สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 2 ต.ค. ว่า กองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน (ไออาร์จีซี) ออกแถลงการณ์ ว่ามีการยิงขีปนาวุธมากกว่า 180 ลูก เน้นโจมตีเป้าหมายทางทหารทั่วอิสราเอล เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา “เพื่อตอบโต้” การที่อิสราเอลสังหารนายอิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำสูงสุดฝ่ายการเมืองของกลุ่มฮามาส นายฮัสซัน นาสราลเลาะห์ ผู้นำสูงสุดของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ และทหารระดับสูงของอิหร่านอีกหลายนาย ที่ประจำการอยู่ในเลบานอน และซีเรีย


กองทัพอิสราเอลออกแถลงการณ์ในเวลาต่อมา ว่าระบบป้องกันทางอากาศไอเอิร์น โดม สามารถสกัดการโจมตีของขีปนาวุธไว้ได้แทบทั้งหมด แม้ยอมรับว่ามีขีปนาวุธบางลูก “หลุดรอด” จากการสกัดกั้นของระบบป้องกัน และตกลงในพื้นที่รกร้าง


ด้านกองทัพสหรัฐกล่าวว่า การโจมตีที่เกิดขึ้นของอิหร่านครั้งนี้ “ไม่ได้ผลและไม่มีประสิทธิภาพ” และกำลังหารือกับอิสราเอล เกี่ยวกับ “การตอบสนอง” แม้ไออาร์จีซีกล่าวว่า “จะตอบโต้ให้รุนแรงมากขึ้นอีก” หากอิสราเอลดำเนินการตอบโต้


ขณะที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล กล่าวว่า การที่อิหร่านยิงขีปนาวุธใส่อิสราเอล “คือความผิดพลาดมหันต์” และรัฐบาลเตหะราน “ต้องชดใช้” เช่นเดียวกับนายโยอาฟ กัลลันต์ รมว.กลาโหมอิสราเอล ซึ่งกล่าวว่า อิหร่าน “ยังคงไม่ถอดบทเรียน” จากการเคยยิงขีปนาวุธใส่อิสราเอล เมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา เนื่องจาก “ใครที่โจมตีอิสราเอล จะต้องเผชิญกับการโจมตีโต้กลับเสมอ”.

เครดิตภาพ : AFP