ฮอตและถูกพูดถึงไม่หยุดไม่หย่อนสำหรับภาพยนตร์เรื่อง “ตาคลี เจเนซิส(TAKLEE GENESIS)” จากเนรมิตรหนัง ฟิล์ม และ สตูดิโอ คำม่วน โดยดึงนักแสดงมากฝีมืออย่าง พอลล่า เทย์เลอร์ , ปีเตอร์ คอร์ป ไดเรนดัล , วนรัตน์ รัศมีรัตน์ , ณัฐชา เจสสิก้า พาโดวัน , เจนจิรา ไวด์เนอร์ , ภูธฤทธิ์ พรหมบันดาล , นารา เทพนุภา , ภูษิตา วัฒนากรแก้ว , นุชนภา สร้อยดารา , กิตติศักดิ์ ปฐมบูรณา , อินทิรา เจริญปุระ มาประชันบทบาทกัน กำกับภาพยนตร์โดย มะเดี่ยว ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล ที่บอกเลยว่าขอทำตามความชอบตัวเองกับหนังไซไฟที่น่าสนใจมากๆเรื่องนี้

งานนี้ yimyim จึงไม่พลาดพา มะเดี่ยว ชูเกียรติ และหนุ่มหล่อ ปีเตอร์ คอร์ป ไดเรนดัล มาอัพเดทการทำงานในเรื่องนี้กัน เพราะแว่วว่าหลายคนบอกว่าจะดูซ้ำและดูอีกหลายๆรอบทีเดียว

อะไรคือเเรงบันดาลใจในการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้?

มะเดี่ยว “ด้วยความที่ชอบหนังไซไฟอยู่เเล้ว และก็มีการติดตามอ่านบทความเกี่ยวกับ โลก จักรวาล อวกาศ มิติต่างๆ ทำให้เราพบว่า เรื่องพวกนี้มันเป็นสิ่งที่เร้นลับพอๆ กับเรื่องผีเลยนะ จนมาถึงจุดที่เราสนใจเรื่องพวกนี้มากกว่าเรื่องผีด้วยซ้ำ เพราะกับเรื่องผี เรารู้สึกว่าความเป็นไปได้ของมันสามารถไปได้ไม่มีที่สิ้นสุด อาจจะเหนือความเป็นจริงไปเลยก็ได้ แต่กับหนังไซไฟ ความเป็นไปได้มันจะต้องถูกอธิบายด้วยอะไรบางสิ่งบางอย่าง และสิ่งนี้มันคือเสน่ห์ของวิทยาศาสตร์ เวลาที่เราอยู่ ชีวิตที่เราดำเนินไปทุกวันเนี่ย มันมีอยู่จริงมั้ย ตัวเราเอง เราเป็นคน เป็นเนื้อเป็นหนัง เป็นกลุ่มก้อนทางชีววิทยา หรือจริงๆ เราเป็นภาพสะท้อนของอะไรบางอย่าง สิ่งเหล่านี้มัน inspired เรามานานเเล้ว เเละเราก็หาโอกาสที่จะทำเป็นหนังสักเรื่อง พอได้มีโอกาสคุยกับทาง เนรมิตรหนัง ฟิล์ม เค้าอยากให้ทำอะไรแบบนี้ เราก็งงเลย เพราะว่าหนังแนวนี้เป็นหนังแสลงสำหรับคนไทยพอสมควร แต่เราก็ไม่คิดว่าคนไทยจะไม่เก็ตเรื่องพวกนี้นะ ก็เลยรวบรวมสิ่งที่เขียนไว้มาทำเป็นบทขึ้นมา”

ตาคลี เจเนซิส” คืออะไร โลกมันใหญ่ขนาดไหน อยากให้ลองอธิบายให้ฟังหน่อย?

มะเดี่ยว “ตาคลี เจเนซิส” ในเรื่อง มันคือโครงการทดลองของสหรัฐอเมริกาในช่วงสงครามเวียดนาม เหตุที่ชื่อ “ตาคลี” เพราะว่าในยุคนั้น อ.ตาคลี เป็นฐานทัพสหรัฐอเมริกาที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คือจริงๆ ฐานทัพมันมีหลายที่นะ อย่างที่ สัตหีบ อุดรธานี แต่สำหรับฐานทัพตาคลี เราคิดว่าสถานที่ที่มันใหญ่ขนาดนั้น มันอาจจะมีอะไรบางอย่าง แล้วหลังๆ ก็มีสมมติฐานมากมายเกี่ยวกับความลับในตาคลี เช่นว่า ตาคลีมีมนุษย์ต่างดาวอยู่ตรงนั้น เฮ้ย อันนี้มีคนพูดจริงนะ ไปดูได้ในยูทูป (หัวเราะ) เเต่สำหรับตัวหนัง ไม่ได้อยู่เเค่ในพื้นที่ตาคลีนะ เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเเถวภาคอีสานมากกว่า ซึ่งเราได้ไปเจอสถานีเรดาร์ร้างที่ค่ายรามสูร จ.อุดรธานี ดูเเล้วมัน inspired มาก ในโลกนี้มีอยู่ 7 แห่งเองนะ ที่เป็นเสาล้อมๆ แบบนี้ โดยสถานีเรดาร์ ค่ายรามสูร เนี่ย ถูกพูดถึงในหลายๆ เหตุการณ์สำคัญของไทยด้วย ในยุคสงครามเย็นเป็นต้นมา สำหรับหนัง “ตาคลี เจเนซิส” จักรวาลแรกเริ่มต้นที่สงครามเย็น หลังจากนั้นพอมันพูดถึงการทดลองเพื่อที่จะควบคุมเวลาได้ เราก็เลยลองพามันไปไกลสุด ก็น่าจะ 75 ล้านปี แล้วก็เป็นแสนปี ห้าพันปี เเล้วก็ไปในอนาคตอีกสองถึงสามร้อยปีอะไรแบบนี้ เป็นความท้าทายว่าเราจะเขียนเรื่องให้มันเกี่ยวเนื่องกันยังไง ใน Time scale ที่มันกว้างใหญ่ขนาดนั้น

เรื่องนี้มีทั้งเรื่องประวัติศาสตร์ มีทั้งวิทยาศาสตร์ การรีเสิร์ชหนักหน่วงขนาดไหน?

มะเดี่ยว “โอ้ กว่าจะมาเป็นบทหนัง ใช้เวลานานมากเหมือนกันนะ ก็เก็บเล็กผสมน้อย เวลาเราเกิดไอเดียอะไรก็จะจดเอาไว้เป็นหัวข้อๆ วันหนึ่งก็จะหยิบมันขึ้นมาขยายบ้าง ซึ่งไอเดียพวกนี้ มันอยู่ในที่จดของเราเยอะมาก มันเป็นก้อนความคิดเต็มไปหมดเลย เเล้วทุกอย่างมันเชื่อมโยงถึงกันได้หมด แล้วเราก็ทั้งดูยูทูป ทั้งอ่านหนังสือ อย่าง “ต่วย’ตูน พิเศษ” ที่เราอ่านตั้งเเต่เด็ก มัน  inspired เรามากเลย เพราะมันมีทั้งเรื่องในอดีต เรื่องในอนาคต เรื่องสัตว์ดึกดำบรรพ์ อะไรแบบนี้ เราว่ามันน่าจะเป็นจุดแรกที่จุดประกายเราให้สนใจเรื่องพวกนี้ก่อน เสร็จเเล้ว พอมีคนบ้าไปด้วยกันเเล้ว เราก็ไปหาคนบ้าหลายๆ คนที่เนิร์ดในสิ่งเดียวกัน หนึ่งในนั้นก็มี “น้องพีพี” (พัทน์ ภัทรนุธาพร ผู้ช่วยวิจัยแห่ง MIT สหรัฐอเมริกา) เป็นน้องจาก MIT ตอนนั้นน้องเค้ากำลังเรียนดอกเตอร์อยู่ที่โน่น ก็คือคุยกับใครไม่รู้เรื่อง ต้องไปคุยกับเด็ก MIT แล้วเขาก็อินไปด้วยกัน สิ่งที่รีเสิร์ชมีตั้งเเต่อเมริกาทำอะไรกับใครไว้บ้างในช่วงสงครามเย็น การทดลองนี้มันมีจริงหรือเปล่า แล้วถ้าเกิดมันมีอารยธรรมต่างดาวที่เขาสามารถควบคุมความเร็วเหนือแสงได้ มันจะนำไปสู่อะไร จะนำไปสู่การควบคุมเวลา ควบคุมการเดินทางไปที่นั่นที่นี่ในจักรวาล แล้วจักรวาลกว้างไกลเเค่ไหน จักรวาลมีหนึ่งเดียวหรือเปล่า เนิร์ดมากๆ ครับ หนังเรื่องนี้ (หัวเราะ)”

เห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยากที่สุดสำหรับมะเดี่ยวตั้งเเต่ทำหนังมาเลย อะไรคือส่วนที่ยากที่สุด?

มะเดี่ยว “มันยากไปทุกส่วนเลย จริงๆ คิดไปคิดมา กูไม่น่าเริ่มต้นเรื่องนี้เลย (หัวเราะ) เเต่เราก็ไม่รู้ว่าถ้าเราไม่ได้ทำในวันนี้ เราจะได้ทำอีกเมื่อไหร่ มันก็ท้าทายการรับรู้ระดับหนึ่งเลยนะ มันท้าทายตั้งเเต่เเรกเเล้วว่าเราจะอธิบายสิ่งเหล่านี้ให้คนเข้าใจได้ยังไง หนังมันต้องมีการอธิบายเยอะมากเลยนะ ในเเต่ละสเตจที่ตัวละครต้องไปเจอ เราจะคงความเป็นมนุษย์ของตัวละครยังไงไปจนจบเรื่อง ให้คนดูเอาใจช่วยเขา เเละเห็นพัฒนาการจากปมฝังใจ การต่อสู้ ผิดหวัง สูญเสีย ลุกขึ้นมาใหม่ จุดนี้เราจะพาคนดูไปยังไง ท่ามกลางการที่เขาดูเเล้วต้องเกิดคำถามเเน่เลยว่า ไอ้นั่นคืออะไรวะ ไอ้นี่คืออะไร ทำไมมาอยู่ตรงนั้นตรงนี้ อันนี้คือความยากของการเล่าเรื่อง และด้วยงานสร้างที่ค่อนข้างจะมีหลากหลายเซ็ตที่อยู่ในช่วงเวลาต่างๆ ซึ่งวิธีคิดของคนที่อยู่ใน เเต่ละยุคสมัยเป็นอย่างไร วิธีการสื่อสารถึงกันมันควรเป็นแบบไหน รวมไปถึงเรื่องการทำเสียง sign ของการข้ามเวลา การที่มีสัตว์ประหลาดโผล่ เสียงของทุกสิ่งทุกอย่างที่มาประกอบกัน มันเป็นเรื่องใหญ่โตมากเลยครับ”

มีความภูมิใจกับผลงานนี้มากน้อยเเค่ไหน?

 มะเดี่ยว “เป็นงานที่ไม่รู้ว่าในชีวิตนี้จะได้ทำอะไรแบบนี้อีกหรือเปล่า คือพอทำก็ไม่ง่าย มันเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายของหนังไทยแหละ ที่ไม่มีใครจะกล้าหาญเเละบ้าบิ่นให้เราทำอะไรแบบนี้ ก็เต็มที่กับมันมากๆ เลย เเต่จะเรียกว่าเป็นจุดสูงสุดของเราคงไม่ใช่ เพราะอยากให้มันเป็นประตูที่เปิดให้เราทำอะไรที่มันไปไกลกว่านี้ได้อีกมากกว่า แล้วก็อยากให้มันเป็นใบเบิกทางให้กับคนที่ชอบงานไซไฟ ชอบหนังที่มีความท้าทาย ได้เติบโตต่อไปในอนาคต”

ปีเตอร์ในเรื่องรับบทเป็นใคร ช่วยเล่าบทบาทและตัวตนของเค้าให้ฟังหน่อย?

 ปีเตอร์ “จริงๆ แล้ว อิษฐ์จะเป็นคนที่ไม่ค่อยมีความมั่นใจ เป็นคนที่ชีวิตมีปมอะไรบางอย่าง เพราะชีวิตเขาไม่ได้เดินไปในทางที่ต้องการ อาชีพเขาคือ ครูสอนเด็กประถมอยู่ต่างจังหวัด เเต่จริงๆ แล้ว เขาอยากเป็นนักโบราณคดี ซึ่งเขาก็จะศึกษาในเวลาว่างของเขา พอศึกษาเรื่องพวกนี้ เขาก็จะมีความรู้รอบตัวค่อนข้างเยอะ แต่ว่าก็ยังไม่ได้ทำตามที่เขาฝันจริงๆ”

เเล้วคาเรกเตอร์นี้แตกต่างจากตัวคุณมากน้อยเเค่ไหน จากที่เป็นร็อกเกอร์ ต้องกลายมาเป็นครูสอนเด็กประถม?

 ปีเตอร์ “จริงๆ แล้ว ด้วยนิสัยก็คงต้องบอกว่าต่างกันพอสมควร เพราะว่าการจะทำอาชีพเป็นนักร้องเพลงร็อก ก็ต้องมีความมั่นใจระดับนึง ถึงแม้จะไม่มีก็ต้องขึ้นเวทีด้วยความมั่นใจ ที่เราอาจต้องสร้างขึ้นมาเอง ก็จะชินที่ต้องใช้ชีวิตด้วยความมั่นใจ เเต่กับอิษฐ์เนี่ย เขาจะมีลังเลตลอดเวลา ไม่มั่นใจ เเล้วจะเป็นคนที่ค่อนข้างเห็นแก่ตัวพอสมควร ไม่นึกถึงคนอื่น ด้วยสิ่งที่เขาขาดในชีวิตทำให้ต้องดิ้นรนเพื่อตัวเองซะส่วนใหญ่”

ด้วยความที่ “อิษฐ์” ต่างจาก “ปีเตอร์” พอสมควร เเล้วอะไรที่ทำให้คุณตัดสินใจรับบทนี้?

 ปีเตอร์ “เหตุผลที่ทำให้ตัดสินใจรับบทนี้ก็มีอยู่หลายเรื่อง อย่างแรกนะครับ พี่มะเดี่ยว เราเคยร่วมงานกันอยู่เเล้ว รู้สึกประทับใจมาก พอโครงการใหญ่อย่างนี้ เเล้วพี่มะเดี่ยวกำกับ ก็มั่นใจว่ามันต้องออกมาดีมากๆ เเน่ๆ เหตุผลที่สองคือบท ต้องบอกเลยว่าไม่ธรรมดา ไม่เคยรู้ว่าหนังไทยจะทำในคอนเซปต์นี้และสเกลนี้มาก่อน เพราะฉะนั้นมันถึงมีเเรงดึงดูดมาก เหตุผลที่สามนะครับ ก็นักแสดง วอร์ วนรัตน์ ก็กำลังฮอตฮิตเลยนะครับ ก็ชื่นชอบในผลงาน น้องนีน่า ก็กำลังฮอตฮิตเหมือนกันครับ เเล้วก็เป็นน้องที่เเสดงเก่งมาก อยากจะร่วมงานด้วย โดยเฉพาะ พอลล่า ก็เคยร่วมงานกันอยู่เเล้ว เป็นคนที่เเสดงเก่งมาก แล้วก็มีความรู้สึกว่าอยากร่วมงานด้วยอีกครั้ง ด้วยองค์ประกอบทุกอย่าง รวมถึงค่ายเนรมิตรหนัง ฟิล์ม ก็เป็นบริษัทที่กำลังมาแรง องค์ประกอบลงตัวมาก เป็นโครงการที่ปฏิเสธไม่ได้ครับ (หัวเราะ)”

ด้วยความที่หนังเป็นไซไฟ ต้องใช้จินตนาการช่วยในการทำงานเยอะ ปีเตอร์มีวิธีดีลหรือทำการบ้านกับมันยังไงบ้าง?

 ปีเตอร์ “ต้องบอกว่าจริงๆ ผมเป็นสายวิทย์อยู่เเล้ว ผมศึกษาเรื่องเคมีนะครับ (ปีเตอร์เรียนด้านวิศวกรเคมีมาตอนไฮสคูล) ซึ่งก็ต้องผ่านพวกฟิสิกส์และชีววิทยาอะไรพวกนี้อยู่เเล้ว ซึ่งผมว่าในนักแสดงทั้งหมดเนี่ย ผมน่าจะเก็ตสุด (หัวเราะ) คนอื่นก็จะคอยวิ่งมาถามผม “อันนี้มันอย่างงี้ใช่มั้ย?” “อันนั้นมันอย่างงี้ใช่มั้ย?” เอาจริงๆ ทฤษฎีของเรื่องทั้งหมด ตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ มันเป็นไปได้ เพราะฉะนั้น เรื่องนี้สำหรับผมมัน make sense ทั้งหมดเลยอะ ตอนอ่านบท อ่านไปอ่านมา มันจะเห็นภาพค่อนข้างชัด ถ้าเรามีเทคโนโลยีที่มันถึงเนี่ย มันจะเป็นไปได้ทั้งหมดตามเรื่องในบทนี้อะครับ ก็เอาเป็นว่าเราตั้งใจทำกันมากๆ ยังไงฝากติดตามด้วยนะครับ”


คอลัมน์ “1 Day With ซุปตาร์”

โดย “yimyim”