สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงกาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล เมื่อวันที่ 1 ต.ค. ว่า พื้นที่ทั้งหมดในกรุงกาฐมาณฑุ จมอยู่ใต้บาดาล หลังฝนตกหนักที่สุดในรอบกว่า 20 ปี ทำให้แม่น้ำบักมาตี และลำน้ำหลายสาย มีระดับน้ำสูงขึ้น จนตลิ่งหลายแห่งพังทลาย อีกทั้งเมืองหลวงยังถูกตัดจากพื้นที่อื่นของเนปาล เนื่องจากดินถล่มปิดกั้นทางหลวงหลายสาย

ด้านกระทรวงมหาดไทยของเนปาล ระบุว่า อุทกภัยครั้งนี้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 209 ราย และมีผู้สูญหายอีก 29 คน และทางการได้ยกระดับปฏิบัติการกู้ภัยทางอากาศ เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ป่วย หรือผู้ที่จำเป็นต้องเคลื่อนย้ายไปยังพื้นที่ปลอดภัย ตลอดจนดำเนินการช่วยเหลือผู้คนจำนวนมาก ที่ติดค้างอยู่บนทางหลวง ซึ่งจนถึงขณะนี้ เจ้าหน้าที่กู้ภัยสามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้มากกว่า 4,000 คนแล้ว

ขณะที่สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของเนปาล ระบุว่า ข้อมูลเบื้องต้นแสดงให้เห็นถึงปริมาณน้ำฝนระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในเวลา 24 ชั่วโมง จนถึงช่วงเช้าของวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งสถานีตรวจวัดสภาพอากาศที่ท่าอากาศยานกาฐมาณฑุ ปริมาณน้ำฝนประมาณ 240 มิลลิเมตร ถือเป็นตัวเลขสูงสุด นับตั้งแต่ปี 2545

อนึ่ง เหตุอุทกภัยและดินถล่มที่เกิดจากฝนตก ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต เกิดขึ้นบ่อยครั้งในภูมิภาคเอเชียใต้ ในช่วงฤดูมรสุม ตั้งแต่เดือน มิ.ย.-ก.ย. แต่ผู้สันทัดกรณีหลายคนกล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ เพิ่มความถี่และความรุนแรงของภัยพิบัติเหล่านี้.

เครดิตภาพ : AFP