เมื่อวันที่ 30 ก.ย. ร.ต.อ.พีรยุทธ อุดชิน รอง สว.(สอบสวน) สภ.น้ำโสม จ.อุดรธานี ปฎิบัติหน้าที่อยู่บนโรงพัก มีนายสมดี แปลงศรี อายุ 63 ปี ชาวบ้านนาเมืองไทย หมู่ 10 ต.น้ำโสม อ.น้ำโสม จ.อุดรธานี นำสมุดบัญชีธนาคาร ธกส.สาขาน้ำโสม เข้าแจ้งความว่า โดนนางแต้ว  อายุ 35 ปี เพื่อนบ้าน ที่ตนฝากบัตรเอทีเอ็มไว้ไปกดเอาเงินดิจิตอล 1 หมื่นบาทไป พอไปสอบถามก็ให้การปฎิเสธ จึงมาแจ้งตำรวจ เพื่อดำเนินคดีกับ น.ส.แต้ว

นายสมดี  หรือ เซียงเมี่ยง เล่าว่า ตนเป็นคนโสด อยู่บ้านคนเดียวตามลำพัง ส่วน น.ส.แต้ว และสามีก็ทำสวนยางเช่นเดียวกัน น.ส.แต้ว ชอบมาเล่นที่บ้านกับตน ทำให้สนิทสนมกัน พอเงินผู้สูงอายุและเงินสวัสดิการแห่งรัฐ น.ส.แต้วก็มักจะไปกดเงินมาให้ ตนก็จะแบ่งให้ น.ส.แต้วใช้ แต่เมื่อวันที่ 26 กันยายน น.ส.แต้วได้ชวนตนไปเช็คเงินดิจิตอล 1 หมื่นบาท ที่ตู้เอทีเอ็มธนาคารกสิกรไทย โดยตนกดบัตรเอทีเอ็มไม่เป็น น.ส.แต้วกลับมาบอกว่าเงินยังไม่เข้า เสร็จแล้วก็ไปกดที่ ธกส. ก็ปรากฏว่าไม่เข้า น.ส.แต้ว บอกว่าจะเก็บบัตรเอทีเอ็มเอาไว้ ถ้าเงินเข้าบัญชี จะมากดเงินไปให้ตน ซึ่งตนก็ไม่ได้คิดอะไร จึงพากันกลับบ้าน

“กระทั่งวันที่ 28 กันยายน น้องสาวมาชวนเอาสมุดบัญชีไปเช็คว่าเงินดิจิตอลเข้าบัญชีหรือยัง ก็ปรากฏว่าเงินเข้าบัญชีแล้ว เมื่อวันที่ 26 กันยายน และโดนกดออกไปเมื่อวันที่ 26 กันยายน เช่นเดียวกัน เหลือเงินบัญชีให้ตนเพียง 5 บาท  ตนจึงไปสอบถาม น.ส.แต้ว ก็ปฏิเสธว่าไม่ได้ไปกดเงิน เพราะบัตรเอทีเอ็มอยู่กับตน ตนรู้สึกเสียใจที่หลงไว้ใจ น.ส.แต้ว จึงไปบอกน้องสาวพามาแจ้งตำรวจ หาก น.ส.แต้วนำเงินมาคืน ก็จะไม่ดำเนินคดี ซึ่งตำรวจให้ตนมายื่นหนังสือขอภาพจากกล้องวงจรปิดผู้ที่มากดเอาเงินดิจิตอลตนไป  เพื่อนำไปเป็นหลักฐานในการดำเนินคดี เสียใจมากที่หลงไว้ใจ ฝากเป็นอุทธาหรณ์ถึงผู้เฒ่าผู้แก่ว่าอย่าไว้ใจใคร ฝากเอทีเอ็มไว้กับลูกหลานญาติพี่น้องตัวเอง”

นางเอ (นามสมมติ)  อายุ 42 ปี น้องสาวนายสมดี  เล่าว่า พี่ชายเป็นโสด จะอยู่บ้านคนเดียว มีโลกส่วนตัวสูง ติดเสพกัญชาตั้งแต่เป็นวัยรุ่น จึงทำให้สมองเชื่องช้าพูดจาไม่รู้เรื่อง แต่ไม่ถึงกับพิการ ผู้หญิงที่ชื่อแต้ว ชอบเข้ามายุ่งกับพี่ชาย จะพาพี่ชายไปกดเอาเงินผู้สูงอายุและเงินคนจนไปใช้ ทำให้พี่ชายตนไม่มีเงินใช้จ่าย และชอบไปขอเงินแม่และน้อง พอแม่ถามหาบัตรผู้สูงอายุและบัตรคนจนก็ทำให้พี่ชายทะเลาะกับแม่ ตนจึงไปขอร้อง น.ส.แต้วให้เลิกทำแบบนี้ ให้นำบัตรคืนพี่ชายตน แต่ก็ยังไม่เลิก แถมยังทำหน้าตาเยาะเย้ยตนอีก ตนจึงบอกว่า “เธอมีผัวแล้ว อย่ามาหากินกับคนแก่แบบนี้” ตนไม่อยากให้มาปลอกลอกพี่ชายตน ทำให้ทะเลาะตบตีกัน ตนถูกดำเนินคดี เหตุนั้นยังไม่เสร็จ ก็มาเกิดเหตุนี้อีก มั่นใจว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนกดเงินไปใช้ เพราะพี่ชายยืนยันว่า เอทีเอ็มอยู่กับผู้หญิงคนนี้

ส่วน น.ส.กรภัทร สมพงษ์ ผู้ใหญ่บ้านนาเมืองไทย ได้พาไปบ้าน น.ส.แต้ว ปรากฏว่า น.ส.แต้วไม่อยู่บ้าน ซึ่งผู้ใหญ่บ้านเล่าว่า เมื่อปี 2563  น.ส.แต้ว ยึดบัตรคนจนและบัตรผู้สูงอายุ ของนายสมดี หรือ เซียงเมี่ยงไปกดใช้ พอไม่มีเงินใช้ ไม่มีข้าวกินนายสมดีก็ไปเอาสิ่งของในบ้านแม่และน้องไปใช้  ทำให้น้องรำคาญ จึงได้ถามว่าถ้าจะเอาของไปใช้ ทำไมไม่เอาบัตรมาไว้กับแม่และน้อง  จึงได้เรียก น.ส.แต้วมาไกล่เกลี่ยเรื่องนี้ และมาเกิดเรื่องนี้อีก เมื่อเช้านี้ตำรวจได้ออกหมายเรียกให้ตนนำไปให้ น.ส.แต้ว ซึ่งก็รับปากว่าจะไปพบตำรวจ ตนก็บอกว่าถ้าไม่ไปตำรวจจะออกหมายจับ พอโทรถามก็บอกว่ายังไม่มีรถไปหาตำรวจ

เมื่อโทรศัพท์สอบถาม น.ส.แต้ว บอกว่าไม่ได้นำบัตรเอทีเอ็มไปกดเงินดิจิตอลของนายสมดี แค่พานายสมดีไปลงทะเบียนเมื่อคืนวันที่ 24 กันยายน ที่ตู้เอทีเอ็ม ธ.ก.ส.บ้านนางัว ตนขอปฎิเสธว่าไม่ได้กดเอาเงินดิจิตอลของนายสมดี ส่วนบัตรเอทีเอ็มตนเอาคืนให้นายสมดีแล้ว ตอนนี้ตนอยู่ไกล อยู่ในสวนยาง รอรถไปหาตำรวจ แต่จะไปคนเดียว ไม่ให้ใครยุ่งยากด้วย หากจะโดนจับข้อหาลักทรัพย์ ตนขอยืนยันว่าไม่ได้เอาเงินไป ตนก็จะไปเจรจากับนายสมดี และญาติพี่น้องของนายสมดี เขาจะคิดอย่างไรก็ห้ามกันไม่ได้