สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 30 ก.ย. ว่า ภาคอสังหาริมทรัพย์ซึ่งมีมูลค่าคิดเป็น 1 ใน 4 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) และเติบโตอย่างน่าทึ่งมาเป็นเวลา 20 ปี กำลังกลายเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เมืองใหญ่สามแห่งของจีน ได้แก่ กว่างโจว, เซินเจิ้น และเซี่ยงไฮ้ เปิดเผยว่า พวกเขาจะทำให้ประชาชนซื้อบ้านได้ง่ายขึ้น และมาตรการดังกล่าว จะมีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย. นี้

เมืองกว่างโจว ซึ่งเป็นเมืองเอกของมณฑลกวางตุ้ง ทางตอนใต้ของจีน จะไม่ตรวจสอบคุณสมบัติในการซื้อบ้านอีกต่อไป และจะไม่มีการจำกัดจำนวนบ้านที่บุคคลหนึ่งสามารถซื้อได้

ขณะที่เมืองเซินเจิ้น ซึ่งตั้งอยู่ในมณฑลแห่งเดียวกัน ผ่อนปรนให้ผู้ซื้อไม่ต้องตรวจสอบคุณสมบัติในการซื้อบ้าน ส่วนเมืองเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นเมืองเศรษฐกิจขนาดใหญ่และร่ำรวยที่สุดของจีน ประกาศจะลดภาระภาษีของผู้ซื้อบ้านบางราย และลดเงินดาวน์

การประกาศดังกล่าว มีขึ้นขณะที่ธนาคารประชาชนจีน (พีบีโอซี) ขอให้สถาบันการเงินลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้านที่มีอยู่ เพื่อลดภาระทางการเงินของเจ้าของทรัพย์สิน

ทั้งนี้ คณะผู้นำจีนเปิดเผยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งถือเป็นความพยายามครั้งสำคัญที่สุด ครั้งหนึ่งในรอบหลายปีเพื่อกระตุ้นการเติบโต และเตือนด้วยว่าเศรษฐกิจกำลังเผชิญกับ “ปัญหาใหม่”

ด้านตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงและจีนแผ่นดินใหญ่ปรับตัวสูงขึ้น หลังการประกาศดังกล่าว ท่ามกลางความหวังที่จะได้รับการสนับสนุนที่มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เตือนว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบ “บาซูก้า” น่าจะยังไม่เพียงพอที่จะกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ และมีความสงสัยว่า จะช่วยอะไรได้มากน้อยเพียงใด.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES