เมื่อวันที่ 30 ก.ย. ที่ สภ.เมืองขอนแก่น พ.ต.อ.ศวัจน์ แก้วสืบธัญนิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น เปิดเผยว่า ได้รับการประสานงานจากกองปราบปราม ว่าสามารถจับกุมตัว นายตั้ม อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99/3 หมู่ 1 ต.นครปฐม อ.เมือง จ.นครปฐม ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น ที่ 676/2567 ลงวันที่ 24 กันยายน 2567 ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์โดยแสดงตนเป็นคนอื่น และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง

และจับกุมนายนัด อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 126/2496 หมู่ 5 ต.ปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่นที่ 688/2567 ลงวันที่ 27 กันยายน 2567 ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์โดยแสดงตนเป็นคนอื่น และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง

“ตำรวจกองบังคับการปราบปราม จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่นนั้นเนื่องจากว่า วันที่ 17 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา มีผู้เสียหายเป็นหญิง 2 คน เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น ว่า รู้จักชาย 2 คน ทราบชื่อว่าตั้มและนัด มาติดต่อว่าต้องการเด็กเอ็น จนมีการพูดคุยและเกิดความไว้วางใจ แต่ถูกชาย 2 คน ก็ใช้อุบายหลอกว่า จะให้ทุนไปประกอบธุรกิจ แต่จะต้องได้รหัส OTP ก่อน จึงจะโอนเงินให้ ด้วยความเชื่อใจ จึงให้รหัส OTP ไป แต่สุดท้ายชาย 2 คน ไม่ให้เงินลงทุน แต่เป็นการหลอกเอาไปได้รวมทั้งสิ้น 189,700 บาท ซึ่งผู้เสียหายยืนยันว่า มาแจ้งความเพราะต้องการให้ตำรวจทำการสืบสวนจับกุมชายทั้ง 2 คน มาดำเนินคดีตามกฎหมาย”

ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น กล่าวต่ออีกว่า พนักงานสอบสวนจึงรวบรวมพยาน หลักฐาน ขอศาลออกหมายจับชายทั้ง 2 คน ในข้อหาดังกล่าว ซึ่งเมื่อหมายจับออกมา จึงส่งหมายจับประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจับกุมตัวทั้ง 2 คน มาดำเนินคดีตามกฎหมาย กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม สามารถติดตามจับกุมชาย 2 คน ได้ที่บ้านพักในพื้นที่ จ.นครปฐม และอยู่ระหว่างการส่งตัวมาที่ สภ.เมืองขอนแก่น  

“ในเบื้องต้น นายสาริน รับสารภาพว่าก่อเหตุจริง โดยมีนายตั้มจ้างให้ให้เปิดบัญชี แล้วก็คอยกดเงินที่เหยื่อโอนมาให้ โดยจะจ่ายค่าจ้างให้ครั้งละ 500-1,000 บาท และเมื่อตรวจสอบบัญชีของนายตั้ม ก็พบว่า มีเงินเข้าออกบัญชีวันละ 10,000-20,000 บาท และยังพบว่ามีการหมุนเวียนบัญชีเป็นเงินหลายล้านบาท ซึ่งเมื่อรับตัวแล้ว ก็จะทำการสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย แล้วจะได้ส่งฟ้องฝากขังที่ศาลตามขั้นตอนต่อไป”