เมื่อวันที่ 28 ก.ย. เวลา 17.00 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม เดินทางถึงเขื่อนกิ่วคอหมา รองนายกฯ รับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์น้ำในพื้นที่จาก น.ส.นิติยา พงษ์พานิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง และรายงานว่าพื้นที่ลำปางได้รับผลกระทบ 12 อำเภอ 55 ตำบล 273 หมู่บ้าน 4,951 หลังคาเรือน ราษฎรจำนวน 14,525 คน บาดเจ็บ 4 ราย เสียชีวิต 6 ราย

จากนั้น นายภูมิธรรม กล่าวกับประชาชนว่า วันนี้มาที่นี่เพราะเป็นห่วง ช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ (28 ก.ย.) ได้ลงพื้นที่แม่สายกับนายกฯ ซึ่งนายกฯ ถึงกับน้ำตารื้น เพราะชาวบ้านมากอด แล้วบอกว่าอย่าทิ้งกัน ซึ่งบริเวณแม่สาย ปัญหาที่เจออย่างหนักคือเรื่องโคลน ขณะนี้รัฐบาลเร่งประสานงานทุกส่วนราชการให้เข้ามาแก้ไขในพื้นที่ ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากทั้งภาครัฐและเอกชน ที่เชียงรายคาดว่าอีก 30 วัน จะทำให้ทุกอย่างกลับมาสู่สภาวะปกติได้ สำหรับที่จังหวัดลำปาง โซเชียลบอกว่าเขื่อนกิ่วลมจะแตก ประชาชนข้างล่างจะมีปัญหา รู้สึกตกใจจึงต้องมาตรวจสอบ เห็นว่าปริมาณน้ำมากถึงขนาดนี้ ถึงอย่างไรก็ต้องระบาย แต่จากการรับฟัง ทางจังหวัดลำปางมีการแจ้งเตือนให้ประชาชนรับรู้ก่อนมีการปล่อยน้ำ 2 วัน ทำให้สบายใจ ก็อยากให้มีการประเมินและสรุปการแก้ไขปัญหาต่อไป และจากข้อมูลที่ได้รับวันนี้ สิ่งที่สบายใจ คือปีนี้น้ำจะไม่ท่วมกรุงเทพฯ เหมือนปี 2554 อย่างแน่นอน เราค่อยๆ ระบายน้ำ และระบบเตือนภัยที่เราวางไว้ ก็สื่อสารเรื่องการเตือนภัยกันตลอด และนายกฯ จะระดมทีมแก้ปัญหานี้ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ เหมือนที่เคยระบุว่าจะยกเป็นวาระแห่งชาติด้วยซ้ำไป เพราะปัญหาเช่นนี้มีมาตลอด แต่ปัญหาอยู่ที่เงินงบประมาณที่ต้องใช้เป็นแสนแสนล้านบาท ประเทศไทยมีเรื่องใหญ่หลายเรื่อง เราก็ต้องหาทางแก้ไปให้ได้

ภายหลังพบประชาชน รองนายกฯ ตรวจเยี่ยมดูปริมานน้ำเขื่อนกิ่วคอหมา พร้อมให้ความมั่นใจว่า ได้มาดูสถานที่จริง และดูที่สันเขื่อนก็มั่นใจว่ายังสามารถรับปริมาณน้ำได้อีกมาก และสันเขื่อนมีความแข็งแรงไม่เป็นไปตามข่าวลือในโซเชียล ที่ว่าเขื่อนจะแตกรับน้ำไม่ไหว จึงขอให้พื้นที่ด้านล่างและ กทม. มั่นใจได้ว่า จะไม่เกิดภาพน้ำท่วมรุนแรงอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม นายภูมิธรรม สั่งการรองผู้ว่าฯ แม้ขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมลำปางจะเริ่มคลี่คลายแล้ว ขอให้ดูแลประชาชนเรื่องการเยียวยา ครอบครัวไหนได้รับความเสียหายและผลกระทบ ให้เร่งจ่ายเงิน เพราะผู้เดือดร้อนบางครั้ง แม้แต่นาทีเดียวเขาก็รับไม่ไหว และขอบคุณหน่วยงานเกี่ยวข้องขออย่าเพิ่งท้อ เพราะประชาชนได้รับผลกระทบมากกว่า