จากกรณี ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) บุกจับกุม นายปัญญา (สงวนนามสกุล) อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 4738 /2567 ลงวันที่ 27 ก.ย. 2567 ข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นฯ, กระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่า 15 ปีโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ, พาผู้อื่นไปเพื่อกระทำอนาจาร โดยใช้อุบายหลอกลวงขู่เข็ญ” ได้ในพื้นย่าน จ.นนทบุรี หลังก่อนหน้านี้ไปก่อเหตุหลอกจ้างสาวชาวเมียนมา ให้มาทำงานเป็นแม่บ้าน แต่กลับพาไปเข้าโรงแรมม่านรูด ก่อนใช้กำลังทำร้ายร่างกาย ก่อนบังคับข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ 2 ครั้ง ก่อนจะพาไปทิ้งไว้ข้างทาง ภายหลังเจ้าตัวให้การปฏิเสธอ้างว่าเป็นการซื้อขายบริการทางเพศ ฝ่ายหญิงสมยอมเอง แต่ตำรวจไม่เชื่อ เนื่องจากที่ผ่านมา นายปัญญา เคยมีประวัติก่อเหตุลักษณะเดียวกันนี้มาแล้วหลายครั้ง

เกี่ยวกับเรื่องนี้่ เมื่อวันที่ 28 ก.ย. พนักงานสอบสวน บก.ปคม. ได้ควบคุมตัว นายปัญญา ไปฝากขังที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ตามขั้นตอนกฎหมาย โดยระหว่างถูกควบคุมตัว นายปัญญา มีสีหน้าเรียบเฉยไม่ยอมกล่าวใด ๆ กับสื่อมวลชนที่มารอทำข่าว ในส่วนเรื่องทางคดีความ พบว่าเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และร้องขอให้พ่อมาช่วยประกันตัวให้ เมื่อทนายความถามว่ามีภรรยาหรือไม่อย่างไร นายปัญญา กล่าวว่า มีอยู่ 7 คน แต่ไม่ประสงค์ให้ภรรยามาช่วยประกันตัวหรือรับรู้เรื่องคดี สำหรับการฝากขังครั้งนี้ พนักงานสอบสวนได้ระบุท้ายคำร้องฝากขังไว้ว่า ขอคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหา โดยระบุสาเหตุว่า คดีมีอัตราผู้สูงและเกรงว่าผู้ต้องหาจะออกไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรือข่มขู่พยาน

ด้าน พ.ต.อ.พัฒนพงษ์ ศรีพิณเพราะ ผกก.2 บก.ปคม. เปิดเผยว่า ขณะนี้ตำรวจกำลังรวบรวมพยานหลักฐานที่พบ เพื่อนำไปตรวจสอบทางเทคนิคว่า ยังมีผู้เสียหายรายใดที่ตกเป็นเหยื่อของผู้ต้องหาหรือไม่ รวมถึงจะมีการไปสอบปากคำบุคคลที่เกี่ยวข้องและใกล้ชิดอีกครั้ง เพื่อขยายผลนำตัวผู้เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีต่อไป

ทั้งนี้ จากการสืบสวนพบว่า นายปัญญา มีประวัติทางอาชญากรรม เคยก่อเหตุในลักษณะเดียวกันนี้แล้ว 3 ครั้ง ใน 1 ปี โดยครั้งแรกเมื่อเดือน พ.ค. 67 ในพื้นที่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ครั้งที่ 2 เดือน ก.ค. 67 ในพื้นที่ สภ.บางบัวทอง และครั้งล่าสุด วันที่ 26 ก.ย. 67 ในพื้นที่ สภ.บางบังทอง พฤติกรรมเข้าข่ายข่มขืนกระทำชำเราโดยใช้กำลังประทุษร้าย แล้วยังใช้วิธีการล่อลวงจากเพจแรงงานต่างด้าว.