ทุกวันศุกร์เวลาดีๆ เวลาเดิมแบบนี้ จู่ๆ “น้องเผือก” ก็อยากทานอาหารไทยท่ามกลางบรรยากาศในสวน หลีกหนีความวุ่นวายกลางกรุง เลยลองหาร้านน่าทาน จนไปพบกับ “มา เมซอง (Ma Maison)” ที่ NaiLert Park Heritage กลางใจเมืองย่านชิดลม เลยอยากจะขอพาทุกคนไปลองลิ้มชิมรสกับเมนูที่เขาว่ากันว่าเป็นแบบไทยต้นตำรับ จะเป็นยังไง มาติดตามกันค่ะ

แต่ก่อนจะเริ่มทาน ต้องบอกก่อนว่า เดิมทีนั้น “Ma Maison” เป็นชื่อร้านอาหารฝรั่งเศสที่ คุณพินิจ สมบัติศิริ เป็นผู้ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ.2526 เพื่อเป็นสถานที่สังสรรค์ของนักชิมอาหาร

แต่ในวันนี้… “Ma Maison” กลับมาอีกครั้งพร้อมกับอาหารไทยในแบบต้นตำรับฉบับของบ้านปาร์ค นายเลิศ โดยเจ้าของสูตรอาหารไทยที่เสิร์ฟในร้านอาหารนี้ก็คือ ภรรยาของนายเลิศ คุณหญิงสิน เศรษฐบุตร โดยหยิบเอาเมนูอาหารมาจากสูตรที่คุณหญิงทำรับประทานอยู่บ่อยๆ มาเป็นเมนูที่เราจะได้ลิ้มลองกัน

เอาล่ะค่ะ มาถึงตรงนี้ เราไปเริ่มชิมกับเมนูแรกซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ ทานได้ที่นี่ที่เดียวเท่านั้นกับ “หมี่น้ำปาร์คนายเลิศ” เมนูสุดคลาสสิกของคุณหญิงสิน (ภรรยาของนายเลิศ) ที่นำวัตถุดิบในครัวมาทำน้ำซุปคล้ายน้ำซุปต้มยำ ใส่ไข่ กุ้ง และหมูสับ ปรุงรสให้กลมกล่อม กินกับเส้นหมี่ทอดกรอบโรยผิวส้มซ่าที่เข้ากันได้เป็นอย่างดีอย่างไม่น่าเชื่อ เมนูนี้ห้ามพลาดจริงๆค่ะ

“น้ำพริกหมูกระจก” น้ำพริก ตัวกากหมูกรอบ หอมเครื่องสมุนไพร ยิ่งได้ทานคู่กับไข่ต้มยิ่งเข้ากัน เสริมตัวน้ำพริกให้เข้มข้น ยิ่งเจอตัวผักสด ก็ยิ่งเสริมความเข้ากันให้ยิ่งอร่อยยิ่งขึ้น แถมถ้านำน้ำพริกมาคลุกกับข้าวสวยร้อนๆนะคะ บอกเลยว่าฟินลืม!

ต่อด้วย “ห่อหมกข้าว ห่อหมกปลา” ห่อหมกปลากะพงเนื้อแน่น รสเข้มข้น แต่ที่ไม่เหมือนใคร คือ “ห่อหมกข้าว” ที่เป็นการนำน้ำเครื่องแกงมาคลุกเคล้ากับข้าวแล้วนำไปนึ่งจนหอมฉุย เรียกได้ว่าทำเอาน้ำลายสอตั้งแต่เดินมาเสิร์ฟเลยค่ะ

“ยำกุ้งแม่น้ำขมิ้นขาว” อีกเมนูที่ห้ามพลาดเช่นเดียวกัน ไล่มาตั้งแต่กุ้งแม่น้ำขนาดกำลังดี ย่างกำลังน่าทาน เสิร์ฟมาพร้อมเครื่องยำสมุนไพรไทยนำโดยขมิ้นขาวที่กลิ่นเฉพาะตัวเข้ากันได้ดีกับมะม่วง หัวหอมแดง ตะไคร้หั่นซอยและพริกขี้หนู ใบมะกรูดซอยบาง ยิ่งเพิ่มกลิ่นให้หอม บอกเลยว่าจัดจ้านแต่ไม่เผ็ดจี๊ด เข้ากันได้อย่างดีเลยค่ะ

“แกงสิงหลเนื้อชอร์ตริบ สกลนคร” เป็นแกงโบราณที่มาจากชาวสิงหลที่อพยพจากประเทศศรีลังกา มาตั้งรกรากในไทย แต่ด้วยภูมิปัญญาของคนไทยในสมัยนั้นจึงคิดดัดแปลงลดเครื่องเทศบางตัวลงให้พอเหมาะให้มีรสชาติตามแบบตำรับไทยและเพิ่มสมุนไพรไทย ส่วนรสชาตินั้นตัวเนื้อชอร์ตริบ คู่กับน้ำแกงที่มีความเข้มข้น ยิ่งเข้ากันมากๆ

นอกจากนี้ ที่ “มา เมซอง” ยังมีเมนูอื่นๆที่ “น้องเผือก” อยากจะแนะนำให้ทุกคนได้ลองทาน ไม่ว่าจะเป็น “ยำส้มโอ” รสเปรี้ยวหวานจากส้มโอสดจนไม่มีรสขม แถมยังมีทั้งไก่ฉีก กุ้งสดและมะพร้าวคั่ว เสริมรสกันสุดๆ, “ปอเปี๊ยะไส้มันม่วง” ที่แป้งกรอบหอม แถมยังได้รสหวานกำลังดีจากมันม่วง คู่กับน้ำจิ้มถั่วยิ่งเข้ากันลงตัว, “ไข่พะโล้ 3 เกลอ” ไข่พะโล้เมนูโบราณประกอบด้วย ไข่นกกระทา ไข่เป็ดและไข่เค็ม เคี่ยวจนน้ำพะโล้เข้าเนื้อพร้อมหมูเนื้อนุ่มๆ ละลายได้ในปาก, “ข้าวคอหมูคุโรบุตะทอดกระเทียมพริกขี้หนู” คอหมูคุโรบุตะทอดกระเทียมมีพริกขี้หนูสวนนำมาทอดด้วยกัน อร่อยได้รสเผ็ดเข้ากับกระเทียมทอดกรอบกำลังดีที่ทานเพลินๆ แต่ทำเอาหมดจานเหมือนกันนะคะ

แต่นอกจากเมนูของคาวแล้ว แน่นอนว่า “พรุ่งนี้กินไรดี” ย่อมไม่พลาดเมนูของหวาน ที่ทางร้าน “Ma Maison” กระซิบกับเรามาว่าห้ามพลาดเด็ดขาดอย่าง “ขนมโค” ที่หาทานยากมาก! ซึ่งที่นี่ทำตัวแป้งข้าวเหนียวลูกกลมๆ ได้นุ่มหนึบ สอดไส้ในเป็นมะพร้าวกระฉีกหอมหวานๆ ตัดกับรสเค็มนิดๆ จากกะทิ, “สาคูต้นพัทลุง” ขนมจากต้นสาคู และมะพร้าวอ่อน เมนูพื้นเมืองโบราณอายุกว่า 100 ปีของชาวใต้ ซึ่งแตกต่างจากสาคูธรรมดาตรงที่นำต้นสาคูมาขูดเนื้อในทำเป็นแป้ง ตัวสาคูต้นจะมีความใส เนื้อสัมผัสเนียนเหนียวนุ่มลื่น และปิดท้ายด้วย “กล้วยไข่เชื่อม” ไอศกรีมโฮมเมดจากน้ำมะพร้าว เมนูของหวานที่อร่อยครบเครื่องกล้วยไข่เนื้อนุ่มกำลังดี

มาถึงตรงนี้แล้ว หาอยากมาร่วมตามรอย “พรุ่งนี้กินไรดี” ไปทานอาหารไทยแบบต้นตำรับ ท่ามกลางบรรยากาศสวนเขียวสวยๆ ร่มรื่นกลางกรุง แถมทางร้านยังเปลี่ยนดอกไม้กลางร้านเพิ่มความสดชื่นไปตามเทศกาลแบบนี้ ก็ไปกันได้ที่ “Ma Maison” NaiLert Park ซอยสมคิด 4 ถนนเพลินจิต เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00 – 14.30 น. และ 18.00 – 22.00 น. สำรองที่นั่งหรือสั่งอาหารได้ที่ 0-2655-4773 , 0-8096-1171

ส่วนสัปดาห์หน้า เราจะไปลองชิมความอร่อยที่ไหนนั้น.. ห้ามพลาดใน “พรุ่งนี้กินไรดี” กันนะคะ..

…………………………….
คอลัมน์ : “พรุ่งนี้กินไรดี”
โดย “น้องเผือกรสแซ่บ”