แหล่งข่าวจาก สำนักงาน กสทช.เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (บอร์ด กสทช.) เมื่อวันที่ 25 ก.ย. ได้มีมติ 6 เสียง เห็นชอบการขออนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ ตั้งสถานีวิทยุคมนาคมและใช้เครื่องวิทยุคมนาคม สำหรับการให้บริการรับส่งสัญญาณผ่านดาวเทียมของบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็นที ส่วนอีก 1 เสียง คือ พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร งดออกเสียง

ขณะที่ แหล่งข่าวจากเอ็นที กล่าวว่า จากมติของ กสทช. ดังกล่าว ทำให้ เอ็นที สามารถให้บริการเกตเวย์ ที่สร้างอยู่ใน จ.อุบลราชธานี กับ วันเว็บ เพื่อใช้เป็นสถานีฐาน สำหรับการให้บริการรับส่งสัญญาณผ่านดาวเทียม (อัพลิงค์/ดาวน์ลิงค์ เซอร์วิส) โดยทางเอ็นที จึงได้การอนุมัติใน 2 ส่วน คือ การให้วันเว็บใช้เกตย์เวย์ของเอ็นที และการใช้คลื่นความถี่ดาวเทียม ซึ่งคลื่นนี้เป็นดาวเทียมวงโคจรต่ำ (ลีโอ) ในประเทศไทย ยังไม่มีกฎหมายประมูลคลื่น เหมือนดาวเทียมวงโคจรประจำที่ หรือจีโอ จึงใช้วิธีการมาก่อน ได้รับการพิจารณาก่อน

“วันเว็บมีเป้าหมายการทำตลาดบรอดแบนด์ผ่านดาวเทียม ลีโอ ในต่างประเทศของภูมิภาคนี้ 8-9 ประเทศ ในลักษณะลูกค้าองค์กร ไม่ใช่การใช้งานส่วนบุคคล ขณะที่เอ็นที จะมีรายได้จากการเป็นฮับเกตเวย์ หลายร้อยล้าน โดยเอ็นที คาดว่า ต้องใช้เวลาประมาณ 6 สัปดาห์ วันเว็บถึงจะให้บริการต่างประเทศได้ โดยใช้เวลา 4 สัปดาห์ ในการนำเข้าอุปกรณ์ และอีก 2 สัปดาห์ ในการทำทดสอบความเสถียรของอุปกรณ์”  

แหล่งข่าวจากเอ็นที กล่าวต่อว่า ส่วนความคืบหน้าในการให้บริการดาวเทียมลีโอ ในประเทศไทย ของ วันเว็บ ผ่านเกตเวย์ของเอ็นที หลังจากบอร์ด กสทช. อนุมัติอนุญาตให้ใช้ช่องสัญญาณดาวเทียมต่างชาติในการให้บริการในประเทศ สำหรับโครงข่ายดาวเทียม วันเว็บ โดยมีระยะเวลา 5 ปี เมื่อวันที่ 27 พ.ค. 67 ที่ผ่านมานั้น  ยังคงต้องรอการตีความในเนื้อหาสัญญาที่มีการคัดค้านกันว่า เป็นการทำสัญญาที่เอ็นทีเสียผลประโยชน์หรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ กสทช. เพราะเป็นเรื่องธุรกิจที่เอกชนต้องไปเจรจากันเอง

“สัญญาที่ถูกบอร์ดเอ็นที ตั้งคำถามว่า เป็นการคิดส่วนแบ่งรายได้ในการใช้เกตเวย์ในประเทศ ที่กำหนดเพดานการคิดเงินต่ำเกินไปนั้น ได้มีการแก้ไขหมดแล้ว ไม่มีการกำหนดเพดานขั้นต่ำแต่อย่างใด แต่โครงการก็ยังไม่สามารถเดินหน้าได้ เนื่องจากมีความเห็นให้ส่งสัญญาไปยังสำนักงานอัยการสูงสุดตีความก่อน ทำให้รายได้ที่เอ็นทีคาดว่าจะมีจากบริการในประเทศหลักพันล้านชะลอออกไปก่อน”