โลกของการท่องเที่ยวเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว หนึ่งในอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบและปรับตัวอย่างต่อเนื่องคือ ‘อุตสาหกรรมโรงแรม’ ด้วยการแข่งขันที่สูงขึ้นและความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ทำให้โรงแรมต้องปรับตัวและนำนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาใช้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างและน่าจดจำให้กับผู้เข้าพัก ซึ่งในปัจจุบัน โรงแรมทั่วโลกต่างก็แข่งขันกันนำเสนอเทคโนโลยีล้ำสมัย บริการที่เป็นส่วนตัว และแนวคิดใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคดิจิทัล

ทว่านอกจากเทคโนโลยีแล้ว ‘ความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม’ ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้เกิดเทรนด์ใหม่ๆ ในวงการโรงแรม โรงแรมหลายแห่งหันมาให้ความสำคัญกับการดำเนินงานที่ยั่งยืน การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และการมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชน ทำให้การพักผ่อนในโรงแรมไม่เพียงแต่เป็นการพักผ่อนหย่อนใจเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างประโยชน์ให้กับสังคมอีกด้วย

ดังที่ล่าสุด ‘วารานา กระบี่’ โรงแรมรักษ์โลกแห่งแรกในกระบี่ น้องใหม่ในเครือเดอะ ทับแขก กระบี่ รีสอร์ท ปักธง ‘ต้นแบบโรงแรมแห่งความยั่งยืน’ ด้วยการออกแบบตกแต่งทั้งโครงการภายใต้ ‘นวัตกรรมวัสดุสีเขียว Bio-Circular-Green’ (BCG)  โดย กำหนดแนวคิดให้เป็นโรงแรมที่มีการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Hotel)  มีการรักษาทรัพยากร ออกแบบอย่างพิถีพิถัน เลือกใช้วัสดุตกแต่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่พรมปูพื้นที่ถักทอด้วยเส้นใยที่ผลิตจากขวดน้ำดื่มพลาสติกที่ใช้แล้ว โซฟาบุจากผ้าที่ทอจากเส้นด้ายที่ผลิตจากเศษผ้ารีไซเคิล โคมไฟทำจากไม้ไผ่ ซึ่งเป็นพืชที่ปลูกง่าย โตไว จึงเป็นทางเลือกในการใช้วัสดุอย่างยั่งยืน ไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์บางชิ้นผลิตจากเศษไม้เก่าที่กำลังกลายเป็นขยะ โดยผ่านกระบวนการออกแบบและแปรสภาพเป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหม่ ถือเป็นการสร้างชีวิตใหม่ที่มีคุณค่าให้กับเศษไม้เหล่านั้น

‘วิภาวรรณ เหล่าธนาสิน’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (Chief Executive Officer) โรงแรม วารานา กระบี่ เปิดเผยว่า โรงแรมวารานา กระบี่ ซึ่งเป็นโรงแรมน้องใหม่ มีกำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 29 กันยายน 2567 ด้วยนิยามโรงแรมสไตล์เรียบหรู ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 20 ไร่ บริเวณเชิงเขาเหนืออ่าวทับแขกที่โอบล้อมด้วยอุทยานแห่งชาติเขาหงอนนาค ภายในพื้นที่ประกอบด้วยอาคารที่พัก 6 หลัง ห้องพักจำนวน 141 ห้อง ครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น อาคารสปอร์ตคอมเพล็กที่ทันสมัย ห้องจัดประชุมสัมมนา กลุ่มอาคารสปา-ออนเซ็น ตลอดอาคารเวลเนสที่มีหลังคาเป็นน้ำสำหรับลดความร้อน เหล่านี้ถือเป็นอาคารแนวธาราบำบัดแห่งแรกของประเทศไทยที่ออกแบบเพื่อตอบสนองการทำกิจกรรมต่างๆ ได้ด้วยตนเอง

นอกเหนือจากการมุ่งมั่นพัฒนาอย่างยั่งยืนแล้ว โรงแรมวารานา ยังให้ความสำคัญกับ ‘แนวคิดการประหยัดพลังงาน’ โดยได้เริ่มต้นวางเครือข่าย ‘ธนาคารน้ำใต้ดิน’ ครอบคลุมพื้นที่โครงการตั้งแต่ช่วงเริ่มก่อสร้าง ซึ่งเป็นการบริหารจัดการน้ำโดยนำไปเก็บไว้ที่ชั้นใต้ดินในชั้นหินอุ้มน้ำในช่วงหน้าฝน และนำกลับมาใช้ในยามต้องการ ทั้งยังสามารถป้องกันการเสียสมดุลของน้ำใต้ดินอีกด้วย นอกจากนี้ประโยชน์ของธนาคารน้ำ ยังก่อให้เกิดความชุ่มชื้นกับหน้าดินในช่วงหน้าแล้ง ประหยัดน้ำในการรดต้นไม้บริเวณใกล้เคียง ลดความร้อนในพื้นที่ ลดน้ำท่วมขังช่วงหน้าฝน และเป็นการป้องกันการเกิดแหล่งเพาะพันธุ์ยุง ซึ่งเกิดจากน้ำขังบริเวณผิวหน้าดิน

ในส่วนของการออกแบบระบบความเย็นและความร้อนภายในห้องพัก วารานา กระบี่ ก็ได้มีการลดการใช้พลังงาน ซึ่งจะมีส่วนช่วยในแง่การลดต้นทุนการดำเนินงานใน ด้วยการใช้ระบบปรับอากาศแบบ VRF ในห้องพัก ซึ่งเป็นหนึ่งในระบบปรับอากาศที่ประหยัดพลังงานที่สุดในปัจจุบัน, การควบคุมอย่างอิสระในคอยล์เย็นแต่ละเครื่อง ช่วยลดการทำความเย็นในพื้นที่ที่ไม่มีผู้ใช้งาน,  การผลิตน้ำร้อนภายในห้องพัก จะใช้ฮีทปั๊ม (Heat Pump) ซึ่งเป็นนวัตกรรมเทคโนโลยีประหยัดพลังงาน โดยการดึงเอาพลังงานความร้อนจากเครื่องปรับอากาศ มาถ่ายเทพลังงานให้กับน้ำ เป็นการผลิตน้ำร้อนที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยประหยัดพลังงานและลดต้นทุนการผลิตน้ำร้อนได้มากกว่า 70% ของเครื่องทำน้ำร้อนไฟฟ้าทั่วไป

สำหรับการจัดการขยะมูลฝอยภายในโรงแรมวารานา ได้มีการดำเนินการอย่างเป็นระบบภายใต้แนวคิดความยั่งยืน พร้อมปลูกจิตสำนึกให้บุคลากรของโรงแรมมีความรู้ความเข้าใจ ตระหนักถึงความสำคัญในการลด คัดแยกขยะตามหลักการ 1A3R : Avoid, Reduce, Reuse, Recycle  กล่าวคือ การเลี่ยง ลด ใช้ซ้ำและหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ อาทิ เปลี่ยนการใช้ถุงพลาสติกและกล่องโฟม มาใช้ปิ่นโตบรรจุอาหารให้กับผู้เข้าพักในระหว่างไปทัศนศึกษานอกสถานที่, ลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวด้วยการใช้ขวดแก้ว, หลีกเลี่ยงการใช้ขวดพลาสติกที่มีขนาดเล็กในการบรรจุสบู่เหลวและแชมพู และหันมาใช้ขวดปั๊มแบบกดรีฟิลเพื่อลดการใช้วัสดุสิ้นเปลือง เป็นต้น

นอกจากนี้ ภูมิทัศน์โดยรอบโรงแรม ยังได้คัดสรรพันธุ์ไม้นานาชนิด ซึ่งจะเน้นไม้พื้นถิ่นที่ให้คุณสมบัติที่เป็นร่มเงาหรือเป็นประโยชน์ เช่น ไม้สมุนไพร ไม้ดอกเพื่อล่อแมลง ในส่วนของแนวกำแพงกั้นดินจะใช้ก้อนหินใหญ่ที่ขุดขึ้นมาในระหว่างการก่อสร้างอาคาร ที่ปกติแล้วจะถูกกำจัดทิ้งให้หมดประโยชน์ นำมาเรียงตกแต่งเป็นแนวกำแพงแทนการหล่อคอนกรีต ซึ่งช่องว่างระหว่างก้อนหินเหล่านี้จะปลูกไม้เลื้อยเพื่อความสวยงาม ขณะเดียวกันจะเป็นแหล่งที่พักของเหล่าแมลงที่เป็นประโยชน์กับต้นไม้ในการกำจัดศัตรูพืชอื่นๆ ควบคู่ไปกับการรักษาสมดุลให้กับระบบนิเวศน์ในพื้นที่

ด้านการบริการอาหารและสันทนาการต่างๆ ของโรงแรม วารานา ถูกนำเสนอภายใต้ดีเอ็นเอการเป็นต้นแบบโรงแรมเพื่อความยั่งยืนของโลก สร้างสรรค์บริการที่ยึดโยงกับธรรมชาติเป็นหลัก ด้วยแนวคิดการทำให้สุขภาพกายดีไปพร้อมกับความอร่อย ด้วยอาหารเช้าแบบโฮมเมดที่ซ่อนเรื่องราวความยั่งยืนเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็น เมนูไข่จากแม่ไก่เลี้ยงปล่อยอิสระตามธรรมชาติ, น้ำผลไม้แยกกาก, เครื่องดื่มดีทอกซ์, ชากาแฟออแกนิค และขนมปังแป้งหมัก (Sour Dough)  เชื้ออายุ 200 ปี จากหมู่บ้านสวิสต์ อีกทั้งวัตถุดิบที่ใช้ในการปรุงอาหารยังเน้นการจัดหาในท้องถิ่น เน้นวัตถุดิบที่ปลอดภัยและปราศจากการปนเปื้อนของสารเคมี รวมถึงทางโรงแรมจะมีแปลงผักและสมุนไพรที่บุคลากรภายในโรงแรมช่วยกันปลูกและดูแล ซึ่งเป็นแปลงผักปลอดสารที่ใช้ปุ๋ยจากใบไม้แห้ง เศษวัชพืขและเศษอาหารที่ผ่านการคัดแยกมาหมักเป็นปุ๋ย ถือเป็นการจัดการขยะแบบยั่งยืนและช่วยลดขยะอินทรีย์เข้าสู่ระบบขยะเป็นศูนย์ (Zero Waste)

ทั้งนี้ การสร้างสรรค์อาหารที่ดี อร่อย และปลอดสารเคมี จะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้สุขภาพกายแข็งแรง รวมถึงการออกกำลังกายจะช่วยให้จิตใจเบิกบาน จึงเป็นที่มาของ FAA Spa และ NAAM Wellness สปาและเวลเนสแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย ที่ผสมผสานศาสตร์ความรู้แพทย์แผนไทย และพลังธรรมชาติของน้ำ มาปรับใช้ในการรักษา บำบัด ผ่อนคลายฟื้นฟูร่างกาย ด้วยบริการธาราบำบัดที่ครบครัน ทั้งออนเซ็น สปา บ่อแช่ตัวทั้งร้อนและเย็น บ่อลอยสมาธิ การนวดหลายรูปแบบทั้งเพื่อผ่อนคลายและรักษาสุขภาพองค์รวม

“โรงแรมวารานาตั้งใจมอบประสบการณ์ที่พิเศษ ที่เรียกว่า The Wellcation Experience ผ่านไลฟ์สไตล์ที่สนุกสนาน ห้องพักที่ทำให้หลับสบาย การดูแลสุขภาพด้วยวิถีธรรมชาติบำบัด กินอาหารที่สะอาด อร่อย มีประโยชน์ รวมถึงสปาที่ประยุกต์ใช้สมุนไพรไทยและภูมิปัญญาของคนตะวันออก ทั้งหมดนี้จะปรากฎอยู่ภายในโรงแรมวารานา ที่นำเสนอภายใต้คอนเซ็ปต์การเป็นโรงแรมต้นแบบเพื่อความยั่งยืนของโลก เราตั้งใจตั้งแต่วันแรกที่เริ่มต้นนับหนึ่งเมื่อกว่า 10 ปีก่อน ตั้งแต่คอนเซ็ปต์ก่อสร้าง เลือกใช้วัสดุตกแต่ง แม้กระทั่งเครื่องแบบพนักงานก็ผลิตจากผ้ารีไซเคิล 100 เปอร์เซ็นต์ เพื่อให้สอดคล้องกับ BCG Model เป็นการทำธุรกิจที่ควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อมให้ยั่งยืน”  วิภาวรรณ กล่าวทิ้งท้าย