สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเบรุต ประเทศเลบานอน เมื่อวันที่ 24 ก.ย. ว่า กองทัพอิสราเอลออกแถลงการณ์เกี่ยวกับ “ปฏิบัติการลูกธนูเหนือ” (Operation Northern Arrows) ที่เป็นการโจมตีเป้าหมายเกือบ 1,300 แห่ง ในภาคใต้และภาคตะวันออกของเลบานอน รวมถึง “การโจมตีเป้าหมายแบบจำเพาะเจาะจง” ที่กรุงเบรุต เพื่อทำลายฐานที่มั่นของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ตลอดทั้งวันจันทร์ที่ผ่านมา


ด้าน พล.ท.เฮอร์ซี ฮาเลวี ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมอิสราเอล กล่าวว่า ปฏิบัติการทางทหารครั้งนี้ คือการทำลายโครงสร้างพื้นฐานทางทหารทั้งหมด ที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์สร้างขึ้นตลอด 20 ปีที่ผ่านมา และเพื่อเป็นหลักประกันความปลอดภัย ให้กับประชาชนในภาคเหนือของอิสราเอล


อย่างไรก็ตาม กองทัพอิสราเอลยืนยันว่า “เน้นปฏิบัติการโจมตีทางอากาศเท่านั้น” หลังมีการวิเคราะห์จากบางฝ่าย เกี่ยวกับปฏิบัติการทางทหารภาคพื้นดิน เพื่อกำหนด “แนวกันชน” ระหว่างภาคใต้ของเลบานอน กับภาคเหนือของอิสราเอล


ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขเลบานอนรายงานว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากปฏิบัติการดังกล่าวของกองทัพอิสราเอล ซึ่งรุนแรงที่สุด นับตั้งแต่สงครามระหว่างอิสราเอลกับเลบานอน เมื่อปี 2549 เพิ่มเป็นอย่างน้อย 492 ราย ในจำนวนนี้รวมถึงเด็กอย่างน้อย 35 ราย และผู้หญิง 58 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกอย่างน้อย 1,645 คน นอกจากนี้ ครัวเรือนอีกหลายพันครอบครัวต้องไร้ที่อยู่อาศัย


ทั้งนี้ แหล่งข่าวระดับสูงของฝ่ายความมั่นคงในเลบานอน กล่าวว่า เป้าหมายสำคัญของการโจมตีโดยกองทัพอิสราเอลครั้งนี้ คือความต้องการสังหารนายอาลี อารากี ซึ่งเป็นผู้บัญชาการกองกำลังภาคใต้ของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ แต่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ยังคงยืนยัน ว่าอารากี “ปลอดภัยดี” และมีการยิงจรวดมากกว่า 200 ลูก ข้ามพรมแดนเพื่อตอบโต้อิสราเอล

อีกด้านหนึ่ง นายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) กล่าวถึงสถานการณ์สงครามในฉนวนกาซาที่กำลังจะครบ 1 ปี ในวันที่ 7 ต.ค. นี้ ว่าคู่กรณีทั้งอิสราเอลและกลุ่มฮามาส “ต่างยังไม่มีความสนใจอย่างจริงจัง” เกี่ยวกับการหยุดยิงครั้งใหม่ พร้อมทั้งเน้นย้ำว่า สงครามในฉนวนกาซาต้องยุติโดยเร็วที่สุด


เกี่ยวกับความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ เลขาธิการยูเอ็นกล่าวว่า จับตาสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ด้วยความวิตกกังวลว่า “มีความเป็นไปได้ ที่เลบานอนจะกลายเป็นฉนวนกาซาแห่งที่สอง” และทุกฝ่ายต้องร่วมกันหาทางยับยั้ง เพื่อไม่ให้สถานการณ์บานปลาย.

เครดิตภาพ : AFP