เมื่อวันที่ 23 ก.ย.ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา ได้เกิดพายุฝนตกลงมาอย่างหนัก และมีลมกระโชกแรงลงอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เป็นเวลานานกว่า 2 ชั่วโมง ซึ่งเป็นผลพวงจากพายุซูลิก ทำให้ถนนฝั่งตรงข้ามตลาดชายแดนจอม เกิดน้ำท่วมขังสูงกว่า 30-50 ซ.ม.เป็นระยะทางกว่า 200-300 เมตร เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นที่ลุ่ม ระบายน้ำไม่ทัน ปริมาณน้ำล้นทะลักเข้าไปในร้านค้าที่อยู่ริมถนนบางส่วน

อีกทั้งคลองระบายน้ำสาธารณะหลักเดิมที่มีอยู่ 3-4 สายในพื้นที่ ถูกนายทุนรวมถึงเจ้าของที่เดิม พากันสร้างห้องพักห้องเช่า ถมทับทางเดินน้ำหลักสาธารณะเดิม เพื่อทำทางเข้าห้องพักห้องเช่า เพื่อให้ทั้งชาวไทยและกัมพูชาที่มาประกอบอาชีพในพื้นที่ตลาดการค้าชายแดนช่องจอมได้เช่าอาศัยอยู่ โดยไม่สนใจว่าเป็นคลองน้ำทางระบายน้ำเดิมแต่อย่างใด

ทำให้บริเวณดังกล่าว ซึ่งเป็นที่ลุ่มอยู่แล้ว และยังคงมีคลองระบายน้ำเดิมที่มีเพียงสายเดียวที่ยังคงอยู่ เกิดปริมาณน้ำสะสมไหลลงมารวมกันบริเวณดังกล่าว ประกอบกับ ท่อระบายน้ำที่เป็นช่องทางระบายน้ำเดียวที่เข้าสู่ท่อระบายน้ำเมนหลักของแขวงทางหลวงสุรินทร์ ก็มีขนาดเล็กจนเกินไป มีขนาดเส้นผ้าศูนย์กลางเพียง 35-40 ซ.ม.เท่านั้น ทำให้ปริมาณน้ำสะสมจำนวนมากล้นทะลักขึ้นไปกัดเซาะบนฟุตบาทและเสาไฟฟ้าเสียหาย เป็นปัญหามานานหลายปี และนับวันยิ่งท่วมหนักมากยิ่งขึ้น ทั้งจากพายุ และการถมที่ปิดทางเดินน้ำของห้องพักต่างๆดังกล่าว ซึ่ง

หลังจากฝนตกกว่า 2 ชม.และหยุดตกร่วมกว่า 2 ชม.ปริมาณน้ำที่ท่วมระบาย จึงลดลงเป็นปกติ สถานการณ์ดังกล่าว ก็ทำให้ชาวห้องพักห้องเช่าทั้งชาวไทยและกัมพูชาก็แทบจะไม่ได้นอน เพราะต้องคอยลุ้นว่า น้ำจะล้นเข้าท่วมห้องพักและร้านค้าหรือไม่

สถานการณ์วันนี้ น้ำท่วมหนักกว่าเมื่อวานนี้ (22 ก.ย.) ซึ่งตั้งแต่เมื่อวานนี้ชาวบ้านได้วอนให้แขวงการทางสุรินทร์ เข้ามาแก้ไขปัญหาให้กับชาวบ้าน เรื่องท่อระบายน้ำที่เข้าสู้ท่อระบายน้ำเมนหลัก ที่มีขนาดเล็กเกินไป แม้จะไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาได้ทั้งหมดก็ตาม

ก่อนที่ในช่วงเช้าวันนี้ (23 ก.ย.67) พบว่าทางแขวงทางหลวงสุรินทร์ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ ลงมาตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่นายหนึ่ง ได้ให้คำตอบกับชาวบ้านว่า “ถึงจะเปลี่ยนเป็นท่อขนาดใหญ่ขึ้น ก็ท่วมและมีค่าเท่าเดิม”ก่อนที่จะพากันเดินทางกลับไปโดยที่ไม่มีคำตอบหรือทางออกที่ดีกว่านี้ให้กับชาวบ้านที่มายืนรอความช่วยเหลือแต่อย่างใด  ซึ่งเป็นความหวังสุดท้าย ที่ชาวบ้านต่างต้อง งุนงง กับคำตอบที่ได้รับจากเจ้าหน้าที่ของราชการ ดังกล่าว

ขณะที่ชาวบ้าน ไม่ขอเปิดเผยชื่อ ซึ่งได้รับความเดือดร้อน ก็พาสื่อมวลชนไปยืนชี้จุดคลองระบายน้ำเส้นเดียวที่มีอยู่ ที่ขนาดฝนหยุดตกลงมาสักพักหนึ่งแล้ว ก็ยังระบายน้ำไม่ทันและล้นฟุตบาทอยู่ พร้อมกับบอกว่า ท่อระบายน้ำที่เข้าสู่ท่อระบายน้ำเมนหลัก มีขนาดเล็กเกินไป ทำให้น้ำล้นขึ้นบนฟุตปาธ อย่างเห็นได้ชัด หากได้ท่อที่ใหญ่กว่านี้ ก็คงไม่ต้องมานั่งและยืนคอยลุ้นว่าน้ำจะท่วมขึ้นมากแค่ไหน เพราะปริมาณน้ำสูง 1-2 ซ.ม.ก็ทำให้น้ำล้นท่วมห้องนอนและสิ่งของเสียหายได้ หากเจ้าหน้าที่ หรือใครไม่เจอด้วยตัวเอง ก็คงไม่เข้าใจ หัวอกของชาวบ้าน