เมื่อวันที่ 23 ก.ย. ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยถึงกรณี น.ส.เบญญาภา เย็นอุดม หรือ “ครูเบญ” ผู้สอบพนักงานราชการ ตำแหน่งครูผู้สอน สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไป ที่มีการประกาศรายชื่อในรอบแรกสอบได้ลำดับที่ 1 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) สระแก้ว แต่รายชื่อกลับหายล่องหนในการประกาศผลรอบที่สองว่า  ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ยังไม่มีการแถลงสรุปผลสอบสวนข้อเท็จจริงทั้งหมดในเรื่องนี้ เนื่องจากสพฐ.ได้ส่งสำนวนการสอบสวนและกระบวนการจัดสอบด้านต่างๆ ของ สพม.สระแก้วไปให้ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) ได้ดำเนินการตรวจสอบอีกรอบ เนื่องจากหน่วยงานดังกล่าวมีความพร้อมและมีเครื่องมือในการตรวจวัตถุพยาน รวมถึงพิสูจน์ทราบได้ว่าหลักฐานชิ้นไหนของจริงหรือมีการตกแต่งขึ้น เพื่อให้สังคมได้สิ้นสงสัย ดังนั้นตนขอให้ได้รอการพิสูจน์ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน ซึ่งคาดว่าจะสรุปผลสอบข้อเท็จจริงได้ทั้งหมดภายใน 1-2 วันนี้

เลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้ผลการสอบสวนข้อเท็จจริงในเบื้องต้นของ สพฐ.พบว่า ไม่มีการทุจริตในการจัดสอบพนักงานราชการ และผลคะแนนสอบของครูเบญไม่ผ่านเกณฑ์ คือ ไม่ถึง 60% ตามที่ระเบียบกำหนดไว้ ทั้งภาค ก. และ ภาค ข.จริง และไม่ติด 1 ใน 10 ซึ่งเป็นความผิดพลาดจากเจ้าหน้าที่ของเขตพื้นที่ ดังนั้นจะมีการสอบสวนลงโทษทางวินัยต่อไป ส่วนประเด็นที่สังคมตั้งคำถามว่าเมื่อสอบภาค ก. และ ข. ไม่ผ่านสาเหตุใดถึงมาสอบภาค ค. ได้ ซึ่งตนขอชี้แจงว่าการจัดสอบดังกล่าวเป็นการจัดสอบเก็บคะแนนพร้อมกันทั้งหมดตั้งแต่ภาค ก. ข. และ ค. จากนั้นถึงจะประกาศผลสอบ อย่างไรก็ตามกรณีการเยียวยาครูเบญนั้น ตนขอให้รอสรุปผลสอบสวนและการพิสูจน์หลักฐานข้อมูลจากทุกฝ่ายก่อน พร้อมกับสอบถามครูเบญว่าอยากให้เยียวยาในรูปแบบไหนต่อไป.