โดยเฉพาะองค์ประกอบของคณะกรรมการพิจารณาฯ เขากังขาว่า จะเอื้อนายทุนใหญ่หนุนพรรคการเมืองหรือไม่ แนวๆ แลกใบอนุญาตมาเป็น “กระสุนดินดำ” ตอนใกล้ๆ เลือกตั้ง อีกกระแสเขาก็ว่า “กลัวคำว่าทุนใหญ่กันเกินไป” เพราะสเปคของผู้ได้สัมปทานมันสูง อย่างไรก็ต้องเป็นทุนใหญ่  มาหาวิธีที่ประเทศชาติได้ประโยชน์เต็มเม็ดเต็มหน่วยดีกว่า

ที่สำคัญคือ การตรวจสอบจะต้องเคร่งครัดอย่างมากว่า “ไม่ให้มีทุนเทาเข้ามาฟอกเงิน” และต้องหามาตรการสำหรับการเล่นการพนันในสังคมระดับกลางลงล่างด้วย เพราะพวกนี้มีปัญหาจากการพนันเยอะ และไม่ได้เข้ามาเล่นในคาสิโนที่ค่าเข้ามันแพงแน่ๆ เงินจากคาสิโนอาจต้องใช้ปราบปรามบ่อน ( แต่ถ้าเจ้าหน้าที่รับส่วยบ่อนก็คงยากอีก )

อาจเป็นรูปภาพของ 1 คน

อย่างไรก็ตาม อีประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ และเชื่อว่า “นายกฯอิ๊งค์” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร คงจะทราบ เพราะเห็นไปเดินขบวนงานไพรด์ ซึ่งในงานมีเรื่องการเรียกร้องสิทธิให้ผู้ค้าประเวณีด้วย โดยให้ยกเลิกกฎหมายที่ให้การค้าประเวณีเป็นความผิดอาญา เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องเทาๆ ใต้ดินที่มีปัญหา เพราะเกี่ยวกับการค้ามนุษย์

เรื่องนี้ เฟซบุ๊กพรรคชี้แจงว่า การศึกษากระทำผ่าน กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา แนวทางการแก้ไขปัญหาสถานบันเทิงและปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อป้องกันการเรียกรับผลประโยชน์จากเจ้าหน้าที่ของรัฐ สภาผู้แทนราษฎร มี น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน ยังอยู่ในเรื่องการหาจุดที่เป็นประโยชน์ร่วม

คาดว่า น่าจะต้องหาจุดที่ลงตัวระหว่างผู้ประกอบการ ทั้งบุคคล หรือสถานที่ เจ้าหน้าที่รัฐ และผู้ใช้บริการ เบื้องต้น ปัญหามันอยู่ที่ต้องย้อนกลับไปว่าทำไมการค้าประเวณีถึงผิดกฎหมาย เป็นเพราะโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อย่างหนองใน ซิฟิลิส HIV เชื้อหูดหงอนไก่ ( HPV) ที่เปลี่ยนเป็นมะเร็งอวัยวะเพศได้ ไปจนถึงฝีดาษลิง

อาจเป็นรูปภาพของ 2 คน และ ผู้คนกำลังอ่านหนังสือ

ดังนั้น จุดควบคุมที่สำคัญ “จะต้องขึ้นทะเบียนผู้ให้บริการหรือไม่ ?” เพื่อประโยชน์แห่งการตรวจสุขภาพ และประโยชน์ในการป้องกันตัวฉุกเฉินหากเกิดเหตุที่อาจทำให้ติดเชื้อ แต่ทีนี้ ..ทางผู้ให้บริการเขาก็บอกว่า “ไม่ต้องการขึ้นทะเบียนเพื่อไม่อยากให้เกิดการตีตรา” แม้ว่ากฎหมายคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคลจะเข้มแข็งมากเท่าใดก็ตาม

ที่ฝ่ายผู้ให้บริการเรียกร้องกันมากคือ “แค่ค้าประเวณีแล้วไม่ถูกจับก็พอ” เนื่องจาก รูปแบบการค้าประเวณีมันมีทั้งแฝงตามร้าน ทั้งรับจ๊อบอิสระผ่านโซเชี่ยลมีเดีย หรือบางคนรับ “งานเอ็นวี” หรืองานเอนเตอร์เทนแขกแบบมีอะไรกันด้วยนั่นแหละ แต่เขาไม่ได้วางตัวว่า “เขาประกอบอาชีพที่เก่าแก่ที่สุดในโลก” แค่รับเป็นจ๊อบๆ ครั้งสองครั้ง ไม่ต้องการขึ้นทะเบียน

ผู้ให้บริการในส่วนสถานประกอบการ เขาก็อยากได้แนวๆ นี้เช่นกัน มีเสียงโอดมาว่า “บางครั้งมีการล่อซื้อ” คือเปิดเป็นร้านนวดน้ำมันปกติ แต่ทีนี้เด็กกับแขกตกลงกันเองในร้าน แล้วดันแจ๊คพอตแตกโดนล่อซื้อ โดนข้อหาค้ามนุษย์ที่หนักอยู่ ยิ่งหากเป็นเยาวชนคือพวก 16 ขึ้นไปแต่ยังไม่บรรลุนิติภาวะแต่โตเร็ว ดูยาก หรือต่างด้าว คราวนี้ได้ปิดร้านกันแน่

เมื่อพูดเรื่องจุดสมดุล ก็ต้องดูให้ครอบคลุมเรื่องการป้องกันระวังโรค สวัสดิภาพของผู้ค้าบริการ การป้องกันการค้ามนุษย์ การสร้างสวัสดิการระยะยาวสำหรับกลุ่มค้าประเวณีที่ปลดระวาง ( อาจรวมอาชีพกลางคืนอื่นด้วยเช่นนางโชว์ ) มันมีหลายเรื่องที่ยังต้องถกเถียงกันให้ลงตัว ซึ่งเรื่องนี้ก็ท้าทาย เพราะไปคาบเกี่ยวกับศีลธรรมอีก

ก็อยากเห็นร่างกฎหมายเกี่ยวกับการค้าประเวณีของเพื่อไทยออกมา ว่า อุดช่องโหว่ได้ครบหรือไม่.