เมื่อวันที่ 21-22 ก.ย. 2567 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) พร้อมด้วย นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายสมภพ สมิตะสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย, นายยุวพล วัตถุ รองผู้จัดการ ธ.ก.ส. สำนักงานใหญ่, นางสุดฤทัย เลิศเกษม อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ และนางกิจจาลักษณ์ ศรีนุชศาสตร์ รักษาการที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบสิทธิประโยชน์ทางศุลกากร กรมศุลกากร รวมถึง นางสาวชนก จันทาทอง สส.หนองคาย เขต 2 พรรคเพื่อไทย, นายเอกธนัช อินทร์รอด สส.หนองคาย เขต 3 พรรคเพื่อไทย, นายนิพนธ์ คนขยัน สส.บึงกาฬ เขต 3 พรรคเพื่อไทย, นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ อดีต สส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย, นายสุรชาติ เทียนทอง อดีต สส. กรุงเทพมหานคร และคณะผู้บริหารหน่วยงานในกระทรวงการคลัง และกรมประชาสัมพันธ์ มอบถุงยังชีพให้แก่ประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยน้ำโขงล้นตลิ่ง

โดย นายจุลพันธ์ พร้อมคณะได้เดินทางไปยังพื้นที่เป้าหมายที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อน เพื่อมอบถุงยังชีพจำนวน 300 ถุงให้แก่ประชาชนในวัดยอดแก้ว ต.เวียงคุก อ.เมือง และศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยฯ ต.ท่าบ่อ อ.ท่าบ่อ ที่บริเวณหน้าศูนย์ประสานงานของนายเอกธนัช อีกจำนวน 700 ถุง พร้อมให้กำลังใจประชาชนในพื้นที่บ้านอุ่มเย็น อ.ท่าบ่อ ก่อนที่ในช่วงบ่ายได้เดินทางไปมอบถุงยังชีพที่โรงเรียนเทศบาล 5 มีชัยวิทยา อ.เมืองหนองคาย วัดพุทธไสยาสน์ ต.บ้านเดื่อ อ.เมือง

จากนั้น วันที่ 22 ก.ย. 2567 นายจุลพันธ์ พร้อมคณะได้เดินทางไปยังที่ว่าการอำเภอโพนพิสัย อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย และที่ว่าการอำเภอปากคาด อ.ปากคาด จ.บึงกาฬ เพื่อให้กำลังใจผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ จ.บึงกาฬ โดยมีนายจุมพฏ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ และนายนิพนธ์ คนขยัน สส.บึงกาฬ เขต 3 พรรคเพื่อไทย, นางสาวชนก จันทาทอง สส.หนองคาย เขต 2 พรรคเพื่อไทย, และนายเอกธนัช อินทร์รอด สส.หนองคาย เขต 3 พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยส่วนราชการให้การต้อนรับ

นายจุลพันธ์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ห่วงใยพี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัย ได้กำชับให้รัฐมนตรีกระจายกันไปให้กำลังใจเยี่ยมเยือนประชาชนในแต่ละพื้นที่ ทั้งเชียงใหม่ เชียงราย ในครั้งนี้ได้มาที่ จ.หนองคาย และ จ.บึงกาฬ ซึ่งในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีการอนุมัติงบประมาณ 3,045.51 ล้านบาท ในการช่วยเหลือประชาชน เป็นงบประมาณที่จะมาบรรเทาความเดือดร้อน และซ่อมแซมบ้านที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย 57 จังหวัดทั่วประเทศ แบ่งเป็นเงินค่าดำรงชีพเบื้องต้น

  • กรณีอยู่อาศัยในพื้นที่น้ำท่วมขัง 7-30 วัน ครัวเรือนละ 5,000 บาท
  • กรณีที่อยู่อาศัยในพื้นที่น้ำท่วมขัง 30-60 วัน ครัวเรือนละ 7,000 บาท
  • กรณีที่อยู่อาศัยในพื้นที่น้ำท่วมขังเกิน 60 วันขึ้นไป ครัวเรือนละ 9,000 บาท รวมถึงพื้นที่การเกษตรซึ่งจะมีการสำรวจตามสภาพจริงต่อไป

สำหรับค่าซ่อมแซมบ้านเรือนที่อยู่อาศัย รัฐบาลมีเงินอุดหนุนโดยคิดตามสภาพความเสียหาย

  • หากเสียหายน้อยกว่า 30% ได้รับเงินช่วยเหลือไม่เกิน 15,000 บาท
  • หากเสียหายอยู่ที่ระดับ 30-70% ได้รับเงินช่วยเหลือไม่เกิน 70,000 บาท
  • หากเสียหายเกิน 70% ขึ้นไป ได้รับเงินช่วยเหลือไม่เกิน 230,000 บาท

ขณะที่มาตรการเยียวยาช่วยเหลือผู้ประสบภัยจาก ธ.ก.ส. นายจุลพันธ์ ระบุว่า มีมาตรการเลื่อนกำหนดหนี้สิน 1 ปี และไม่คิดดอกเบี้ย ส่วนประชาชนในพื้นที่ประสบภัยที่จำเป็นต้องใช้เงินเร่งด่วนจะมีสินเชื่อเร่งด่วน 6 เดือน 50,000 บาท สินเชื่อเพื่อซ่อมแซมบ้าน 500,000 บาท ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถดำเนินการได้ที่สาขาธนาคารในพื้นที่ประสบภัย

นายจุลพันธ์ กล่าวอีกว่า ในด้านการช่วยเหลือนั้น ขอให้ผู้ใหญ่บ้านประสานงานกับอำเภอ และจังหวัด เพื่อสำรวจความเสียหายทั้งบ้านเรือน และพื้นที่ทางการเกษตร เพื่อขอรับเงินชดเชยตามมาตรการที่กำหนดไว้ รวมถึงต้องมาวางระบบการแก้ไขปัญหาระยะยาวเกี่ยวกับระบบชลประทาน หาวิธีจัดการระบบน้ำท่วมน้ำแล้งให้มีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ นายจุลพันธ์ ยังได้กล่าวย้ำถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ว่า ปลายเดือนนี้กลุ่มเปราะบางจะได้รับเงิน 10,000 บาทอย่างแน่นอน และขอให้ประชาชนอดทนรอ เพราะรัฐบาลจัดสรรงบประมาณไว้แล้ว 180,000 ล้านบาท เพื่อที่จะเติมเงินให้ประชาชน นอกจากนี้ยังได้แจ้งกับผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคายถึงงบประมาณจังหวัดที่มีอยู่ 20 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือประชาชน ซึ่งหากต้องการเพิ่มเติมจะแจ้งทางกรมบัญชีกลางให้อนุมัติอีก 100 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม การลงพื้นที่น้ำท่วมใน จ.หนองคาย และ จ.บึงกาฬ ถือเป็นการบูรณาการความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ และสำนักนายกรัฐมนตรี ในการผนึกกำลังเข้าช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ผู้ประสบอุทกภัย โดยนำถุงยังชีพ และของใช้จำเป็นสำหรับการอุปโภคบริโภคมามอบให้แก่ประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ จ.หนองคาย และจ.บึงกาฬ รวมถึงพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศต่อไป