โครงการนี้…รัฐบาลจะแจกเงินสดคนละ 10,000 บาท ให้กลุ่มเปราะบางและผู้พิการผ่าน “บัญชีพร้อมเพย์” ที่ผูกกับบัตรประชาชน ซึ่งสามารถนำไปใช้จ่ายอะไรก็ได้

ตามเป้าหมายของรัฐบาลแล้ว ก็ต้องการให้คนกลุ่มนี้นำไปใช้จ่ายซื้อสินค้าที่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิต โดยไม่จำกัดประเภทร้านค้า เพื่อหวังต้องการช่วยเหลือบรรเทาค่าครองชีพให้ช่วงระยะเวลาหนึ่ง

นัยยะสำคัญ!! ก็เพื่อต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศให้เกิดการหมุนเวียน ให้เดินหน้า ไม่ซึมเซาเหมือนที่เป็นอยู่ รวมทั้งยังเป็นการช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเปราะบางที่เดือดร้อน

จำนวนเงินกว่า 1.45 แสนล้านบาท!! อย่างน้อย…เมื่อลงสู่ระบบเศรษฐกิจแล้ว ก็จะช่วยกระตุ้นให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจหรือจีดีพีของประเทศ เพิ่มขึ้นได้อีกอย่างน้อย 0.35%

รมว.คลัง' ยัน 'รัฐ' จัดสรรเม็ดเงิน เพื่อกระตุ้นศก. ไม่ใช่ 'คิดไป ทำไป' |  เดลินิวส์

ก่อนหน้านี้…ถ้าจำกัดได้ พิชัย ชุณหวชิรรองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง หัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลแพทองธาร บอกว่า จะพยายามทำให้เศรษฐกิจไทยในปี 67 นี้ ขยายตัวให้ได้ที่ 3%

ขณะที่สภาพัฒน์ได้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวได้ที่ประมาณ 2.5% ส่วนกระทรวงการคลังก็เชื่อว่าจากเศรษฐกิจที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น ก็น่าจะทำให้จีดีพีขยายตัวได้ที่ 2.7%

อย่างไรก็ตามเมื่อรวมกับโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่แจกเงินสด 10,000 บาท แล้ว เป้าหมาย!! ที่หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ คาดหวังไว้ก็ไม่น่าจะเกิดคาดหมาย หากใช้การประมาณการของกระทรวงการคลัง

อย่างที่รู้กัน…โครงการจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต ยังไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้ ด้วยเพราะกระบวนการทางด้านเทคนิคโดยเฉพาะ โอเพ่น ลูปหรือการเชื่อมระบบการชำระเงินไปยังธนาคารพาณิชย์ นั้นยังไม่เข้าเป้า

เป้าหมายเดิมของรัฐบาลจึงต้องแปรเปลี่ยน…เหตุผลใหญ่!! ก็หนีไม่พ้นการหลีกเลี่ยงการ “ผิดสัญญา” เพราะถือเป็นเรื่องใหญ่ ที่จะมีผลแน่ ๆ ต่อการเลือกตั้งในอีก 3 ปีข้างหน้า

ส่วนที่เหลือ ก็ต้องมาว่า “ลุ้น” กันต่อไป ว่าจะออกมาในรูปแบบใด สุดท้ายจะกลายเป็นแจกเงินสด 10,000 บาท เหมือนกับกลุ่มเปราะบางและกลุ่มคนพิการ หรือไม่?

แต่อย่าลืมว่างบประมาณปี 68 ที่รัฐบาลเตรียมไว้เพื่อใช้ในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจมีอยู่ประมาณ 1.8 แสนล้านบาท หากเทียบสัดส่วนกับผู้ที่ลงทะเบียนผ่านแอปทางรัฐไว้แล้วที่มีประมาณ 36 ล้านคน เท่ากับว่ามีงบประมาณเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น

ขณะที่กลุ่มคนที่ไม่มีสมาร์ทโฟน ที่ยังรอลงทะเบียนกับธนาคารของรัฐ 3 แห่ง คือธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือธ.ก.ส. ก็น่าจะมีอีกจำนวนหนึ่งเช่นกัน

ดังนั้นโครงการแจกเงินเฟส 2 ก็รอไปก่อน ใจเย็นๆ ใจร่มๆ เพราะรัฐบาลได้สัญญาไว้ชัดเจนแล้วว่าได้แน่!! แต่ให้รอการตัดสินใจของคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีน..แพทองธาร เป็นประธานกันก่อน

คณะกรรมการชุดใหม่นี้…จะประเดิมตั้งวงถกในรายละเอียดในภาพกว้างทั้งหมดในสัปดาห์นี้ โดยไม่ใช่มีแค่เพียงเงินดิจิทัล เท่านั้น แต่เป็นการดูในภาพรวมทั้งหมด

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้ไขปัญหาหนี้ทั้งระบบ ที่เป็นนโยบายแรกของรัฐบาลที่ได้ประกาศไว้ต่อที่ประชุมรัฐสภา เพราะตราบใดที่คนไทยไม่สามารถก้าวข้ามพ้นปัญหานี้ไปได้ ก็ไม่สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นได้

Hand holding growth arrow with coins

ผู้ว่าการแบงก์ชาติ บอกว่า ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา หนี้ครัวเรือนไทยเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จาก 50% เป็น 90% ต่อ จีดีพี ขณะที่ 38% ของคนไทยเป็นหนี้ในระบบ เฉลี่ยคนละ 540,000 บาท และส่วนใหญ่เป็นหนี้ที่อาจไม่ก่อให้เกิดรายได้

ตราบใด ที่ยังไม่มีการปรับโครงสร้าง ปัญหานี้ก็ยากต่อการแก้ไข และใช่ว่า แจกเงิน แล้วหนี้จะหมด หรือลดหนี้ให้ หรือ พักหนี้ให้ แล้วหนี้จะหาย ที่สำคัญ!! ต้องใช้เวลา

เอาเป็นว่า ณ เวลานี้ เป้าหมายแรกคือกลุ่มคนเปราะบาง และกลุ่มคนพิการ ก็รอรับเงินสดไปใช้กันก่อน แต่อย่านิ่งนอนใจว่าตัวเองจะได้เงิน เพราะต้องเข้าไปตรวจสอบสิทธิกันก่อนว่าได้แน่ ๆ

รัฐบาลกำหนดไว้ว่า ตั้งแต่วันที่ 24 ..นี้ สามารถเข้าไปตรวจสอบสิทธิผ่าน เว็บไซต์โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ 2567.cgd.go.th, เว็บไซต์ govwelfare.dep.go.th/check  ส่วนคนพิการ ก็เข้าไปตรวจสอบสิทธิ ผ่าน แอป รัฐจ่าย” (กรมบัญชีกลาง)

ทั้งหลายทั้งปวง!! ก็เป็นทางออกของรัฐบาล เพื่อให้การแจกเงินเฟสแรก นั้นเดินหน้าไปได้ก่อน!!

เพราะ…อย่าลืมว่า ปัญหาของรัฐบาลในเวลานี้มีมากมายที่กำลังถาโถมเข้ามา และกำลังกลายเป็นความท้าทายความสามารถของรัฐบาลน.ส.แพทองธาร ว่าจะต้านทานสารพัดปัญหาได้เพียงใด?

……………………………………….
คอลัมน์ : เศรษฐกิจจานร้อน
โดย “ช่อชมพู”

อ่านบทความทั้งหมดคลิกที่นี่