ผู้สื่อข่าวรายงาน กรณีที่ประชุมสภา อบจ.สมุทรสงคราม สมัยสามัญ สมัยที่ 2 ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2567 มีมติไม่เห็นชอบโครงการก่อสร้างลิฟต์คนพิการ-ผู้สูงอายุ วงเงิน 1,500,000 บาท ตามที่นายก อบจ.สมุทรสงคราม เสนอ อ้างเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้สูงอายุ-ผู้พิการ ใช้สำหรับขึ้น-ลงชั้น 2 หอประชุมพิพัฒน์มงคล ซึ่งสมาชิกสภาส่วนใหญ่มีมติเป็นเอกฉันท์ไม่เห็นชอบ 20 เสียง จาก 24 เสียงนั้น

นายเจษฎา ญาณประภาศิริ ประธานสภา อบจ.สมุทรสงคราม กล่าวว่า เรื่องนี้สร้างความเสียหายให้กับสภา เป็นอย่างมาก เพราะชาวบ้านที่ไม่ทราบข้อเท็จจริงอาจเข้าใจว่าเป็นเรื่องการเมือง เพราะ อบจ.สมุทรสงคราม จะครบวาระในวันที่ 19 ธันวาคม 2567 นี้ ตนในฐานะประธานสภา จึงขอชี้แจงว่า การขออนุมัติก่อสร้างลิฟต์ดังกล่าวซึ่งมีขนาดกว้างเพียง 1.40 เมตร และยาว 1.60 เมตร เป็นลิฟต์ขนาดเล็กใช้ได้ครั้งละ 2 คน 

ที่ประชุมสภา จึงเห็นว่าการก่อสร้างลิฟต์ขนาดเล็กใช้ได้ครั้งละ 2 คนไม่ตอบโจทย์หลักการและเหตุผลที่อ้างมา เสียงส่วนใหญ่จึงมีมติไม่อนุมัติเพื่อให้ฝ่ายบริหารและหน่วยงานที่รับผิดชอบไปแก้ไขแบบก่อสร้างลิฟต์ใหม่ พร้อมแนะนำให้ย้ายจุดสร้างลิฟต์ไปทางด้านขวามือติดกับทางลงลานจอดรถ และให้เชื่อมต่อกับอาคารสำนักงาน อบจ. เพื่อใช้ขึ้นลงได้ทั้ง 3 ชั้น และใช้ลิฟต์ขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อจุคนได้มากขึ้นครั้งละ 4-6 คนขึ้นไป ซึ่งนอกจากผู้พิการและผู้สูงอายุจะเข้าใช้ได้สะดวกแล้ว บุคคลภายนอกที่มาติดต่อราชการ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ของ อบจ. ยังได้ใช้เพื่อความสะดวกในการขึ้นลงที่ทำงานอีกด้วย จึงเห็นว่าจะเป็นประโยชน์และคุ้มค่ามากกว่าแบบเดิม ซึ่งทางสภา อบจ. ก็ยินดีจะอนุมัติแม้จะมีการตั้งงบประมาณเพิ่มขึ้นมากกว่าที่กำหนดไว้คือ 1,500,000 บาทก็ตาม อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ได้มีการพูดคุยกันนอกรอบแล้ว แต่ฝ่ายบริหารยังนำเข้าวาระ ที่ประชุมจึงมีมติไม่เห็นชอบดังกล่าว 

นอกจากนี้ นายเจษฎา ญาณประภาศิริ ประธานสภา อบจ.สมุทรสงคราม ยังกล่าวด้วยว่า เมื่อปี 2565 ที่ประชุมสภา ได้อนุมัติโครงการสิ่งอำนวยความสะดวกคนพิการของ อบจ.สมุทรสงคราม ตามรูปแบบและรายการที่กำหนดที่ฝ่ายบริหารเสนอ คือ การก่อสร้างทางลาดสำหรับคนพิการ งบประมาณ 1,150,000 บาทแล้ว แต่ก็ไม่ปรากฏว่าผู้รับผิดชอบได้ดำเนินการตามที่ขออนุมัติต่อสภา แต่อย่างใด แต่กลับขอโอนลดงบประมาณโครงการดังกล่าวเต็มจำนวน และไปโอนเพิ่มตั้งจ่ายรายการใหม่ คือโครงการก่อสร้างลิฟต์คนพิการพร้อมหลังคาคลุม นอกจากนี้ ยังขอโอนเงินเพิ่มจากภารกิจส่วนอื่นๆ มาดำเนินการดังกล่าวอีกจำนวน 350,000 บาท รวมเป็นเงินค่าก่อสร้างทั้งหมด 1,500,000 บาท