เมื่อวันที่ 20 ก.ย. น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.วัฒนธรรม (วธ.) เป็นประธานเปิดงาน “ไทยฟุ้ง ปรุงไทย” (Thai Taste Thai Fest 2024) พร้อมทั้งมอบเกียรติบัตรให้จังหวัดที่ได้รับการประกาศขึ้นบัญชีมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม 18 รายการ 15 จังหวัด มอบโล่เชิดชูเกียรติผู้ทำคุณประโยชน์ในการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม 23 ราย และมอบเกียรติบัตร กิจกรรม 1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น “รสชาติ…ที่หายไป The Lost Taste” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จำนวน 76 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร ที่ Royal Park Plaza ชั้น 1 ศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค กทม.

รมว.วธ. กล่าวว่า มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม เป็นทุนวัฒนธรรมที่สามารถนำมาต่อยอดเป็นซอฟต์พาวเวอร์ของชาติ การส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม จึงต้องมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชน เพื่อประโยชน์ของชุมชนเป็นหลัก และให้ประชาชนได้ตระหนักถึงความสำคัญของมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ดังนั้นกรมส่งเสริมวัฒนธรรม จึงให้ส่งเสริมการดำเนินการอนุรักษ์ รักษา และต่อยอดองค์ความรู้อย่างรอบด้าน ทั้งการบันทึก การวิจัย การจัดทำบัญชี ในพื้นที่จังหวัดต่างๆ การถ่ายทอดความรู้ ทักษะ การประกาศขึ้นบัญชี การยกย่องเชิดชูเกียรติแก่ผู้ทำคุณประโยชน์ต่อมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ตลอดจนแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ด้านการอนุรักษ์ฟื้นฟู และการนำเสนอเผยแพร่ความรู้เมนูอาหารถิ่นของทุกจังหวัดในช่องทางต่างๆ อีกทั้งได้ประสานความร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์ ช่วยสร้างกระแสการรับรู้ ทั้งในระดับจังหวัดและระดับประเทศ

น.ส.สุดาวรรณ กล่าวต่อไปว่า สำหรับงานไทยฟุ้ง ปรุงไทย เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้รายการที่ขึ้นบัญชีมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ ผ่านการสาธิตให้ลงมือปฏิบัติจริง และนิทรรศการ รวมทั้งมีการนำเสนองานวิจัยวัฒนธรรม ในหัวข้อซอฟต์พาวเวอร์ในมิติพหุวัฒนธรรม แนวทางการอนุรักษ์ และส่งเสริมการท่องเที่ยวประเพณีต่างๆ และที่พลาดไม่ได้ คือ ต้องมาชิมฟรีทุกวันกับเมนูอาหาร 1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น “รสชาติ…ที่หายไป The Lost Taste” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ทั่วประเทศ นอกจากนี้ ยังมีการแสดงของศิลปินที่มีชื่อเสียง การแสดงพื้นบ้าน 4 ภูมิภาคหมุนเวียนจัดแสดงด้วย

สำหรับงาน “ไทยฟุ้ง ปรุงไทย” (Thai Taste Thai Fest 2024) จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-22 ก.ย.นี้ ณ Royal Park Plaza ชั้น 1 ศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค กทม. ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.culture.go.th และ แฟนเพจกรมส่งเสริมวัฒนธรรม www.facebook.com/DCP.culture