เมื่อวันที่ 20 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการนัดหมายหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลถึงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา ว่า ได้นัดประสานงานกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลพูดคุยแล้ว ซึ่งการหารือดังกล่าวจะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า ในเวลาที่ทุกพรรคมีเวลาว่างพร้อมกัน สำหรับประเด็นหลักที่จะมีการพูดคุยกันนั้น จะเป็นเรื่องที่เป็นปัญหา จากการใช้รัฐธรรมนูญซึ่งส่งผลต่อการบริหารราชการแผ่นดิน จึงเห็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตราจะเป็นทางออกที่ดี ส่วนจะมีการแก้ไขในประเด็นใดบ้างนั้นจะต้องหารือกันก่อนว่าแต่ละพรรคต้องการจะแก้ในประเด็นใดบ้าง และมีประเด็นใดที่ทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน และหากมีเรื่องใดเป็นฉันทามติร่วมกัน ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี ทั้งนี้ขอยืนยันว่าไม่ได้เป็นการทำเพื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นการทำให้กับทุกฝ่ายที่เห็นปัญหาร่วมกัน และตนเชื่อว่าจะช่วยแก้ไขปัญหาได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ประเด็นเรื่องเกี่ยวกับมาตรฐานจริยธรรมเป็นประเด็นที่ถูกพรรคเห็นพ้องต้องกันใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ในเบื้องต้นทุกพรรคเห็นว่ามีหลายประเด็นที่ต้องได้รับการแก้ไข โดยประเด็นที่เห็นพ้องกันก็จะเป็นเรื่องที่แก้ไขได้ง่ายที่สุด ส่วนเรื่องใดที่ยังมีความเห็นต่างกันก็ต้องมาพูดคุยกันให้จบ
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการแก้ไขเรื่องอำนาจขององค์กรอิสระด้วยหรือไม่ เพราะถูกมองว่าองค์กรอิสระมีอำนาจมากเกินไป นายภูมิธรรม กล่าวว่า จะต้องมีการหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค ทั้งนี้เพราะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลการดำเนินการอะไร ก็ควรจะมีการหารือร่วมกันทั้งหมด ซึ่งคาดว่าการพูดคุยในสัปดาห์หน้านั้นจะทำให้มีความชัดเจนออกมาได้ และจะสามารถประสานส่งเรื่องเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรได้ ทั้งนี้จะต้องมีการไปดูเรื่องกฎระเบียบว่าจะต้องมีการดำเนินการอย่างไรบ้าง
เมื่อถามว่าต้องพูดคุยกับฝ่ายของ สว. ด้วยหรือไม่ เนื่องจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญในอดีตไม่ประสบความสำเร็จ เพราะติดในส่วนของ สว. นายภูมิธรรม กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาใดๆ ที่ทำให้ทุกอย่างดีขึ้น เราก็ต้องมีความหวัง และต้องใช้ความพยายาม ทั้งนี้เราจะประสานงานกับวิปของ สว.ด้วย เพราะ สว.ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ต้องเข้ามาร่วมแก้ไขปัญหา ตนจะพยายามประสานทุกฝ่าย ถ้าทุกฝ่ายเห็นพ้องกันในเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แต่หากไม่ได้เห็นพ้องต้องกัน ก็จะต้องมาพูดคุยถึงเหตุและผล ขณะเดียวกันทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมายว่าจะต้องใช้เสียงแค่ไหนอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าเรื่องนี้จะผ่านการทำประชามติได้หรือไม่ เพราะมีบางส่วนมองว่าเป็นการแก้ไขเพื่อประโยชน์ของนักการเมือง นายภูมิธรรม กล่าวว่า ในทางปฏิบัติที่มีการบังคับใช้รัฐธรรมนูญแล้วนั้น ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามีเรื่องอะไรบ้างที่คนส่วนใหญ่เห็นว่าเป็นปัญหา สิ่งสำคัญในวันนี้คือเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการตรวจสอบ และเพื่อให้การดำเนินการต่างๆ มีความยุติธรรม ไม่ใช่เป็นการทำเพื่อตัวเอง แต่เป็นการทำที่ทุกฝ่ายเห็นพ้องกันว่าจะไม่ใช่เครื่องมือทางการเมืองเพื่อนำมาใช้ประหัตประหารกัน และเราพยายามทำให้ระบบตรวจสอบทั้งหลายทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีความชัดเจนมากขึ้นในการตัดสินปัญหา
เมื่อถามว่า เกรงว่าจะทำให้เกิดนิติสงครามหรือไม่ เพราะมีคนเตรียมจะร้องเรียนว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้เป็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ต้องกลัวเรื่องนิติสงคราม ตนคิดว่าเราควรเอาความตั้งใจและความปรารถนาดีเป็นที่ตั้ง ถ้าเราทำด้วยความตั้งใจและปรารถนาดี รวมถึงดูข้อกฎหมายให้ครบถ้วนและปฏิบัติตามกฎหมาย ทุกสิ่งจะเดินหน้าได้ ตนอยากให้ทุกฝ่ายเห็นว่าทุกอย่างเราสามารถปรับปรุงแก้ไขได้ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่รัฐบาล ฝ่ายค้าน หรือฝ่ายใดก็ตามได้สร้างไว้ เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับความเป็นจริง ชีวิตในความเป็นจริงและสิ่งที่เป็นประโยชน์ที่สุดอยู่ตรงไหน ตนเชื่อว่ากฎระเบียบทุกอย่างแก้ไขได้ อะไรที่แก้ไขแล้วทำให้เกิดสิ่งที่ดีขึ้นก็ถือว่าแก้ไขได้ รวมถึงอะไรที่เหมาะสมกับยุคหนึ่งแต่เมื่อเปลี่ยนยุคสมัยไปแล้วไม่สอดคล้องกับสิ่งที่เปลี่ยนไปก็สามารถแก้ไขได้เช่นกัน
เมื่อถามถึง การดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับขณะนี้ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขณะนี้เรื่องอยู่ที่รัฐสภา หากแก้ไขเรื่องการทำประชามติเสร็จแล้วก็จะสามารถทำประชามติได้ ทั้งนี้ทุกอย่างถูกจัดสรรเพื่อไม่ให้เกิดความสับสน แต่ทุกอย่างทำได้ตามบทบาทหน้าที่
เมื่อถามว่านายภูมิธรรมจะยังเป็นหัวหน้าทีมทำเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับอยู่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า จวนจะยกเลิกคณะกรรมการที่ทำเรื่องนี้แล้ว แต่ตนคิดว่าจะใช้ผู้ทรงความรู้เหล่านี้ในการช่วยหากฎระเบียบหรือข้อปฏิบัติที่ดีที่สุดแก่สังคมและประเทศของเรา
ผู้สื่อข่าวถามว่าสรุปแล้วขณะนี้เป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราก่อนแล้ว จึงแก้ทั้งฉบับในอนาคตใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ทั้ง 2 เรื่องดำเนินไปคู่ขนานกัน เรื่องไหนที่ทำได้เสร็จก่อน ก็ทำเรื่องนั้น ไม่มีเรื่องใดที่ต้องรอกัน
