เมื่อเวลา 09.35 น. วันที่ 20 ก.ย. 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ฝ่ายกฎหมาย กล่าวถึงการเตรียมยื่นแก้ไขพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 ว่าจะยื่นร่างกฎหมายดังกล่าวต่อสภา และพิจารณาในรัฐสภา โดยจะมีการแก้ไขในหลายเรื่อง เช่น การแก้ไขเรื่องความเป็นสมาชิกพรรคการเมือง เพราะเดิมใช้คุณสมบัติของผู้สมัคร สส. จึงทำให้หลายคนไม่สามารถเป็นสมาชิกพรรคได้ คิดว่าสิทธิเสรีภาพในการเป็นสมาชิกพรรค ควรจะเปิดกว้างให้กับทุกคน

เมื่อถามว่าการแก้ไขครั้งนี้ เพื่อให้ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มาเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยได้ใช่หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ได้เกี่ยวกับใคร หรือหมายถึงใคร ตนเองคิดว่า สิทธิเสรีภาพในการเป็นสมาชิกพรรค ควรจะเปิดกว้าง เป็นสิทธิเสรีภาพของประชาชน ไม่ควรมีข้อจำกัดมากมาย และไม่ต้องไปพูดว่าหมายถึงใครยังไงอย่างไร ซึ่งเรื่องเหล่านี้เราเคยทำมาแล้วในอดีต เพียงแต่ สว. ในขณะนั้นไม่เห็นด้วย ส่วน สว.ชุดปัจจุบันนี้ จะเห็นด้วยหรือไม่ ก็ว่าในอนาคต

นายชูศักดิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนจะไปดูการแก้เรื่องยุบพรรค การครอบงำพรรค ว่า จำกัดไว้อย่างไรให้เหมาะสม โดยเรื่องการยุบพรรคนั้น เราก็จะเน้นไปที่เรื่องเฉพาะการล้มล้างการปกครอง ส่วนเรื่องอื่น ๆ ไม่เอาถูกยุบพรรค ส่วนเรื่องการครอบงำก็จะปรับว่าจะทำอย่างไรให้รัดกุมขึ้น ไม่ใช่อะไร ๆ ก็ครอบงำหมด ตนขอย้ำเราทำกฎหมายเพื่อให้มีความเป็นธรรมพอสมควร พูดง่าย ๆ คือ คนที่ถูกตัดสินให้รอลงอาญา ท้ายที่สุดเป็นสมาชิกพรรคไม่ได้ พร้อมถามกับสื่อว่าเป็นธรรมหรือไม่ ถ้ามาตั้งคำถามว่าแก้เพื่อตัวเองอย่างโน้นอย่างนี้ มันก็ตั้งคำถามได้หมด

นายชูศักดิ์ ยังได้กล่าวถึงการยื่นแก้ไข พ.ร.ป.ว่าด้วย คณะกรรมการการป้องกันและปรามปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่าจะแก้ในบางประเด็น ที่มีความผิดบางประเภทที่ ป.ป.ช. สั่งไม่มีมูล หรืออัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้อง ก็ให้สิทธิผู้เสียหายฟ้องคดีได้เอง เพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิของผู้เสียหาย ซึ่งเคยยื่นมาแล้ว แต่ท้ายที่สุดมีข้อทักท้วงบางประการก็นำกลับมาแก้ และขณะนี้ก็จะแก้ใหม่ พร้อมทั้งแก้เรื่องอื่น ๆ ไปด้วย เช่น เรื่องอำนาจฟ้องเองของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เรามองว่ากรณีที่ ป.ป.ช. มีคำสั่งว่ามีมูลหรือฟ้อง แต่อัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้อง ตั้งกรรมการร่วมกันก็บอกว่าไม่ฟ้อง แต่ท้ายที่สุด ป.ป.ช. ก็ไปฟ้องเอง ซึ่งหากเป็นแบบนี้ เราก็มองว่า ป.ป.ช. ทำหน้าที่สอบสวนฟ้องร้องได้เองหมด ทำให้ขัดต่อหลักการคานอำนาจ 

นายชูศักดิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่บางเรื่องเกิดขึ้นมานานแล้ว ควรมีกำหนดระยะเวลาในการรับเรื่อง เพื่อทำให้ชัดเจน พร้อมย้ำว่า ควรมีขอบเขตระยะเวลาในการไต่สวนว่าควรเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ และจะมีระยะเวลาแล้วเสร็จเมื่อไหร่ ไม่ใช่สอบไปเรื่อย ๆ 10-20 ปี บางทีชี้มูลไปแล้วตอนเกษียณ เช่น อาจจะกำหนดไว้ 5 ปีก็ได้ พร้อมยืนยันว่า การแก้ พ.ร.ป.พรรคการเมืองไปด้วย และ ป.ป.ช. คาดว่าสัปดาห์หน้าจะยื่นได้พร้อม ๆ กัน

เมื่อถามย้ำว่าพรรคเพื่อไทยจะกันข้อครหาได้อย่างไร เนื่องจากหลายมาตรามีคนมองว่า เป็นการแก้ให้พรรคตนเอง นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ยืนยัน เราทำกฎหมายเพื่อให้มีเป็นธรรมมากยิ่งขึ้น