จากกรณี กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งว่า “พายุโซนร้อน ซูลิก” ได้อ่อนกำลังลงเป็น “พายุดีเปรสชัน” แล้วโดยมีศูนย์กลางบริเวณแขวงคำม่วน ประเทศลาว ห่างไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของจังหวัดนครพนม ประมาณ 100 กิโลเมตร หรืออยู่ที่ละติจูด 18.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 105.5 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ผลกระทบจากฤทธิ์พายุโซนร้อนซูลิก ทำให้มีฝนตกเพิ่มขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือและอีสาน วันที่ 19-20 ก.ย. 67

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 20 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในพื้นที่เทศบาลเมืองนครพนมมีฝนตกตลอดช่วงคืนที่ผ่านมา โดยทางเทศบาลฯได้เตรียมพร้อมรับมือเดินเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ ในจุดเสี่ยงรวมกว่า 7 จุด ที่มีการติดตั้งเสริมเครื่องสูบน้ำอัตโนมัติ ระบบไฟฟ้าที่มีอยู่แล้ว ตามจุดระบายน้ำจากตัวเมืองลงสู่น้ำโขง เช้านี้ระดับน้ำโขงสูง ที่ระดับ 11.60 เมตร ลดลง 17 เซนติเมตร ห่างจากจุดเฝ้าระวังล้นตลิ่ง ที่ 40 เซนติเมตร คือ ที่ 12 เมตร ทำให้มวลน้ำในพื้นที่ รวมถึงลำน้ำสาขา ไหลระบายลงน้ำโขงช้า ยิ่งหากมีฝนตกต่อเนื่อง จะต้องเดินเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ ตลอด 24 ชั่วโมง เร่งระบายมวลน้ำลงแม่น้ำโขงให้เร็วที่สุด ป้องกันน้ำรอระบายเอ่อท่วม

ขณะเดียวกันทางผู้ประกอบการร้านค้าบางราย ที่เคยได้รับผลกระทบจากวิกฤติน้ำท่วมเมื่อปี 2560 ได้จัดเตรียมกระสอบทรายและทำพนังกั้นน้ำชั่วคราวบริเวณโดยรอบร้านค้าของตนบ้างแล้ว ย่านชุมชนเศรษฐกิจการค้า ส่วนปัญหาน้ำโขงเอ่อล้นทะลักท่วมตัวเมืองนครพนม รวมถึงอำเภอชายแดน 4 อำเภอ มี อ.บ้านแพง อ.ท่าอุเทน อ.เมืองนครพนม และ อ.ธาตุพนม ยังมีโอกาสยาก เพราะระดับเขื่อนป้องกันตลิ่งสูง สามารถรองรับน้ำโขงได้ถึง 15 เมตร จะมีเพียงพื้นที่ลุ่มต่ำ พื้นที่การเกษตรติดแม่น้ำโขงที่ได้รับผลกระทบ

ด้านนายวัฒนศักดิ์ เจียวิริยะบุญญา รองนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองนครพนม เปิดเผยว่า ระดับน้ำที่ท่วมถนนสวรรค์ชายโขง เขตเทศบาลเมืองนครพนม ได้ลดลงแล้ว ทางเทศบาลเมืองฯ ได้จัดเตรียมกระสอบทรายเพื่อป้องกันน้ำท่วมให้ประชาชนมารับได้ที่ “งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย” เทศบาลเมืองนครพนม นอกจากนี้หากยังมีฝนตกหนักต่อเนื่องอีกหลายวัน คาดว่าระดับน้ำโขงจะทรงตัว ไม่ลดระดับ เนื่องจากยังมีมวลน้ำจากหลายพื้นที่ไหลมาสมทบ

สำหรับพื้นที่ได้รับผลกระทบหนักสุด คือ อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม เนื่องจากเป็นจุดรวมน้ำสาขาสายหลัก ทั้งลำน้ำอูน ลำน้ำสงคราม ไหลมารวมกัน ก่อนไหลลงแม่น้ำโขง ที่ อ.ท่าอุเทน แต่ในช่วงน้ำโขงสูงหนุน ทำให้ไม่สามารถระบายลงน้ำโขงได้ ล่าสุดมีปริมาณเกินความจุถึงร้อยละ 50 จนเอ่อล้นท่วมพื้นที่การเกษตร นาข้าวของเกษตรกร จำนวนกว่า 60,000 ไร่ โดยหน่วยงานเกี่ยวข้องอยู่ระหว่างเร่งสำรวจให้การช่วยเหลือชดเชยเยียวยา รวมถึงได้รับผลกระทบไม่มีพื้นที่เลี้ยงสัตว์การเกษตร โค กระบือ เริ่มขาดหญ้า นอกจากนี้ยังมีบ้านเรือนของชาวบ้านบางส่วน เกิดน้ำท่วมขัง โดยเฉพาะพื้นที่ ต.ท่าบ่อสงคราม อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม เริ่มได้รับผลกระทบ เนื่องจากพื้นที่เป็นลักษณะแอ่งกระทะ ทำให้น้ำเอ่อล้นท่วม ถือเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากเกือบทุกปี ชาวบ้านจึงสร้างบ้านเป็นแบบยกสูง พอน้ำมาต้องอาศัยอยู่ชั้นบน โดยมีภาครัฐให้การดูแลช่วยเหลือ จนกว่าระดับน้ำลดปกติ.