เมื่อวันที่ 19 ก.ย. เวลา 10.30 น. ที่กรมอุตุนิยมวิทยา บางนา นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยว่า กรมอุตุนิยมวิทยาจัดตั้งศูนย์อำนวยการติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์พายุโซนร้อนซูลิค บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน เพื่อเพื่อรายงานสภาพอากาศในพื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบและเตรียมพร้อมรายงานข้อมูลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ได้อย่างทันท่วงที โดยการทำงานของศูนย์อำนวยการฯ จะมีการ Conference กับสถานีอุตุนิยมวิทยาที่ตั้งอยู่ในจังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ ร่วมกันประเมินสถานการณ์ของพายุ เพื่อจะได้ข้อมูลช่วยในการประเมินสถานการณ์ให้มีความแม่นยำมากขึ้น

ด้าน น.ส.กรรวี สิทธิชีวภาค อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า กรมอุตุนิยมวิทยาได้จับตาพายุลูกนี้มาอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 17 ก.ย. ได้ออกประกาศฉบับแรกแจ้งให้ประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบและเฝ้าระวัง เตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง พื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ การเคลื่อนที่ของพายุดีเปรสชัน เมื่อเวลา 04.00 น. วันที่ 19 ก.ย. พายุกำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ด้วยความเร็วประมาณ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อนในวันที่ 19 ก.ย. 67 และคาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนกลางในช่วงวันที่ 19-20 ก.ย. 67 หลังจากนั้นจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชัน และเคลื่อนเข้าปกคลุมบริเวณภาคอีสานตอนบน ภาคเหนือตอนล่าง และภาคกลางตอนบนตามลำดับ

ทั้งนี้ กรมอุตุฯ คาดว่า พายุนี้จะทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมาก โดยเริ่มทางภาคอีสานตอนบนและตอนกลาง (หนองคาย บึงกาฬ นครพนม สกลนคร มุกดาหาร เลย อุดรธานี หนองบัวลำภู ชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด) ในวันที่ 19-20 ก.ย. 67 ภาคเหนือด้านตะวันออกและภาคกลางตอนล่าง (แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ พิจิตร กำแพงเพชร สุโขทัย ตาก) ในวันที่  20-21 ก.ย. ส่วนมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ (ลมฝน) มีกำลังแรงพัดเข้าหาพายุดีเปรสชันและหย่อมความกดอากาศต่ำ ทำให้ภาคกลางตอนล่าง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก (นครนายก ระยอง ชลบุรี จันทบุรี ตราด) และภาคใต้ โดยเฉพาะฝั่งอันดามัน (ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง สตูล) มีฝนตกหนักมากบางแห่ง คลื่นลมมีกำลังแรง โดยในช่วงวันที่ 20-23 ก.ย. 67 ยังต้องติดตามและเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือที่ 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง