เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 19 ก.ย. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร  คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม  ทั้งนี้มีการพิจารณากระทู้ถามสด ของนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ถามนายกรัฐมนตรี เรื่อง การช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ประสบอุทกภัยว่า กรณีการเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย โดยไม่เก็บค่าน้ำ ค่าไฟเฉพาะเดือน ก.ย.นั้น อยากให้ขยายกรอบเวลาช่วยเหลือออกไปมากกว่า 1 เดือน ขณะที่การจ่ายเงินเยียวยาค่าซ่อมแซมบ้านกรณีได้รับความเสียหายรุนแรงสูงสุด 230,000 บาท การจ่ายเงินเยียวยาน้ำท่วม 5,000-9,000 บาท ตามระยะเวลาที่ถูกน้ำท่วม มีขั้นตอนยุ่งยาก กว่าจะได้เงินเยียวยาต้องรอ 90 วัน อยากให้เร่งดำเนินการโดยเร็วกว่านี้  และอยากให้รัฐบาลเจรจาธนาคารต่างๆ เพื่อพักชำระหนี้ ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยแก่ประชาชน รวมถึงการสนับสนุนงบประมาณให้ท้องถิ่นจ่ายเงินเยียวยาช่วยผู้ประสบภัยอีกทาง นอกจากเงินเยียวยาจากรัฐบาล นอกจากนี้อยากทราบว่า รัฐบาลจะมีมาตรการรับมือความเสี่ยงพายุซูริกระหว่างวันที่ 19-23 ก.ย.นี้อย่างไร ระบบแจ้งเตือนภัยฉุกเฉินมีความคืบหน้าอย่างไร และการซักซ้อมแผนเผชิญเหตุเพื่อให้คนและเครื่องมือมีความพร้อมมีการดำเนินการหรือไม่

ด้าน น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย  ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีตอบกระทู้ถามสดแทน ว่า รัฐบาลมีมาตรการเร่งด่วนช่วยประชาชนอย่างทันทีทันใด ในส่วนที่จะไม่เรียกเก็บค่าไฟผู้ประสบอุทกภัยเดือน ก.ย.นั้น จะพิจารณาตามสถานการณ์จริง ถ้ายังมีปัญหารุนแรง ประชาชนยังไม่ฟื้นตัว ก็สามารถปรับขยายมาตรการได้ ขอให้สบายใจ รัฐบาลไม่นิ่งนอนใจในการแบ่งเบาภาระประชาชน ส่วนเงินเยียวยา 5,000-9,000 บาท ที่ใช้เวลาจ่ายเงิน 90 วัน  เป็นระยะเวลาตามกระบวนการราชการกำหนดกรอบไม่ให้เกิน 90 วัน แต่จะเร่งจ่ายเงินให้เร็วกว่านั้นแน่นอน เช่นเดียวกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก็มีมาตรการฟื้นฟูช่วยเหลือเกษตรกร ทั้งการสนับสนุนพันธ์ุข้าว พืชไร่ ในการเพาะปลูก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กังวลใจอยากให้เยียวยาเร็วที่สุด เพื่อให้ประชาชนพอใจมากที่สุด

รมช.มหาดไทย  กล่าวว่า ส่วนระบบแจ้งเตือนภัยฉุกเฉิน ยืนยันมีการเตือนกันแทบทุกระยะที่น้ำขึ้น แต่ข้อมูลอาจไม่ถึงประชาชน ทำให้ต้องเร่งทำงาน จะปัดความรับผิดชอบไม่ได้ ต้องหาทางออกพัฒนาระบบให้ดีขึ้น จะต้องทำระบบเตือนภัยฉุกเฉินให้ประสบความสำเร็จ ที่ผ่านมากระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย มีการเชื่อมโยงข้อมูลถึงกัน  ขณะนี้ปภ.อยู่ระหว่างจัดซื้อจัดจ้างวางระบบเตือนภัยฉุกเฉิน เพื่อส่งข้อความแจ้งเตือนไปยังกระทรวงดีอี คาดว่าจะเสร็จสิ้นกลางปี 2568

“ยอมรับว่าช้า แต่ต้องเข้าใจกระบวนการปฏิบัติของฝ่ายปฏิบัติที่ต้องทำให้ถูกต้องตามระเบียบราชการทุกขั้นตอน แต่จะพยายามเร่งมือให้เร็วกว่านี้ เพื่อให้ก่อนกลางปี 2568 จะมีระบบเตือนภัยฉุกเฉินใช้ในการเตือนภัยพิบัติในพื้นที่เกิดเหตุ  ขอให้วางใจเชื่อมั่นรัฐบาลว่า ระบบเตือนภัยในปัจจุบัน ทุกคนไม่ว่าจะมีมือถือหรือไม่มี จะได้รับการแจ้งเตือนภัยเรื่องภัยธรรมชาติอย่างเท่าเทียมกัน” รมช.มหาดไทย กล่าว.