เมื่อวันที่ 18 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ “บ้านมดตะนอย” หมู่ที่ 3 ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง มีเหตุอุทกภัยในพื้นที่ เมื่อคลื่นลมทะเลแรงซัดเข้าชายฝั่งทำให้พื้นที่ดินและบ้านเรือนที่อยู่ใกล้เคียงหาดจมน้ำพังเสียหาย 15 หลังคาเรือน โดยเฉพาะ 8 หลังที่พังเสียหายจนอาศัยอยู่อีกไม่ได้ ได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยก่อนหน้านี้เคยเกิดเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันนี้มาแล้วเมื่อช่วงเดือนกันยายน 2566 ซึ่งได้มีการเรียกร้องให้ภาครัฐหน่วยงานเกี่ยวข้องลงมาช่วยเหลือแก้ไข แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนหรือเป็นรูปธรรม

โดย นายอนุพงษ์ เต็มโคตร หรือ เอก อายุ 39 ปี ชาวบ้านผู้ประสบภัย เปิดเผยว่า มีคลื่นสูงกว่า 3-4 เมตร ได้ซัดขึ้นมาในวันนี้ คลื่นรุนแรงมากในรอบ 10 ปี ครั้งนี้ภายในวันเดียวทำให้บ้าน 10 กว่าหลังคาเรือนต้องพังถล่มลงทันที และที่รอคิวจะถล่มซ้ำอีกหลายหลัง และในพรุ่งนี้ (19 ก.ย.) นี้และวันต่อไปน้ำทะเลหนุน คลื่นจะสูงหนักและแรงกว่าวันนี้เสียอีก ตนไม่ขออะไรมาก ขอแค่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือเพราะเดือดร้อนจริงๆ ไฟไหม้ยังเหลือที่ดินไว้ แต่คลื่นซัดหมดไปทั้งบ้านทและที่ดิน จนไม่มีที่จะอยู่

“…ที่ผ่านมาหน่วยงานเกี่ยวข้อง บอกจะเข้ามาทำพนังป้องกันคลื่น แต่ต้องรออนุมัติงบกว่า 4 ปี แต่ชาวบ้านรอไม่ได้ นี่ขนาดปีเดียวบ้านหายไปขนาดนี้ 4 ปี จะเหลืออะไรให้ชาวบ้านอยู่…” นายเอก กล่าว

ขณะที่ นางวลัยพร ติ้งเก็บ อายุ 45 ปี ชาวบ้าน กล่าวว่า ต้องการให้ทางภาครัฐ หน่วยงานด้านบน ลงมาดูบ้างว่าพวกเราลำบากกันยังไง อยู่ไม่ได้แล้ว ต้องการให้จัดหาที่อยู่ใหม่ให้ คนที่อาศัยบ้านที่ได้พังลงไปในวันนี้ จะหาที่อยู่ใหม่ก็หากันแทบไม่ได้ บางครอบครัวที่ไปเช่าบ้าน ก็ต้องเอาครอบครัวอื่นไปอยู่ชั่วคราวด้วย ก็เท่ากับว่าบ้าน 1 หลังต้องอยู่กัน 3-4 ครอบครัว เพราะไม่มีที่จะอยู่ มูลค่าความเสียหายบ้านแต่ละหลังราคาประมาณ 2-4 แสนบาท กว่าจะปลูกสร้างขึ้นมาได้ก็ใช้เวลาเกือบชั่วชีวิต และไม่รู้เมื่อไรจะหาเงินจากไหนมาสร้างใหม่ได้อีก บอกความรู้สึกไม่ถูกเลย จุกในอกพูดไม่ออก พอนึกถึงก็ร้องไห้ออกมาเป็นน้ำตา

ด้าน น.ส.อรพรรณ เขากรม อายุ 26 ปี เจ้าของบ้านสีเหลืองที่พังทั้งหลัง กล่าวว่า ตนทำได้เพียงยืนดูบ้านพังลงมา ทำอะไรไม่ได้ คลื่นวานนี้ (17 ก.ย.) ซัดเข้ามาเล็กน้อย แต่วันนี้ (18 ก.ย.) หนักมากพังไปทั้งหลัง รู้สึกเสียใจ ใจหาย บ้านเก็บสะสมสร้างมา อยู่มาหลายปี แต่กลับมาพังลง มูลค่าบ้านตนประมาณ 2 แสนบาท ย้ายของกันไม่ทัน เอาเท่าที่ได้ออกไปก่อน ตอนนี้ตนก็ต้องไปขออยู่อาศัยกับน้องสาว ซึ่งเช่าบ้านอยู่ เพราะบ้านน้องสาวก็พังเช่นกัน

ส่วน นายณัฐวัฒน์ ทะเลลึก หรือผู้ใหญ่คาน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 กล่าวว่า ที่สำรวจพื้นที่ร่วมกับทาง เจ้าหน้าที อบต.เกาะลิบง มีบ้านเสียหาย 15 หลัง พังทั้งหลัง 8 หลัง พังบางส่วน 7 หลัง คิดว่าคลื่นจะรุนแรงขึ้นกว่านี้อีก ปัญหาเรื่องนี้เกิดมาตั้งแต่ปี 2561 เริ่มกัดเซาะมาทีละนิด แต่มาถึงปัจจุบันนี้หลักขึ้นมาก ครั้งนี้หนักสุดตั้งแต่ตนจำความได้ที่เสียหายเยอะขนาดนี้ ซึ่งชาวบ้านพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอยากได้ที่อยู่อาศัยใหม่ เพราะชุมชนนี้เป็นชุมชนแออัด อยากฝากไปยังรัฐบาล หน่วยงานเกี่ยวข้องเข้ามาดูแล กำหนดพื้นที่ขยายให้ชาวบ้านได้อยู่อาศัย เพราะตอนนี้ประชากรในชุมชนมดตะนอยมีอยู่ 367 ครัวเรือนประชากร 1,100 กว่าคน ซึ่งยังไม่รวมประชากรที่อยู่รวมกันในครอบครัวเดียว

ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบวันนี้ประมาณ 50-60 คน ขณะนี้ตนก็ได้ประสานไปยังนายอำเภอ ไปยังผู้ว่าฯ และทาง อบต.เกาะลิบงก็เข้ามาดูแลช่วยเหลือชาวบ้าน และบ้านที่พังทั้งหลัง และพังบางส่วนในเบื้องต้นแล้ว ส่วนแผนระยะยาวหากไม่มีการก่อสร้างพนังกั้นคลื่น หรือย้ายคนออกไป ตนมองว่า 4-5 ปีข้างหน้า หากกไม่มีการเข้ามาแก้ไข ชุมชนตรงนี้ตนมองว่าอาจจะกลายเป็นทะเลไปทั้งหมด และเคยมีโครงการของโยธาธิการและผังเมือง ที่จะทำเขื่อนพนังป้องกันคลื่น แต่ก็เงียบหายไป จึงอยากให้รัฐบาลเข้ามาดูแลตรงนี้ด้วย.