ความคืบหน้ากรณี น.ส.เบญญาภา เย็นอุดม หรือ “ครูเบญ” ผู้เข้าสอบพนักงานราชการ ตำแหน่งครูผู้สอน สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) สระแก้ว ได้ออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม หลังจากที่พบว่าการประกาศรายชื่อในรอบแรก น.ส.เบญญาภา สอบได้ลำดับที่ 1 แต่ยังไม่ทันไปรายงานตัว สพม.สระแก้ว ได้ประกาศรายชื่อรอบสอง ปรากฏว่ารายชื่อของ น.ส.เบญญาภา กลับหายไป โดยทาง สพม.สระแก้ว อ้างว่าสาเหตุที่การประกาศผลในรอบที่สอง ไม่มีรายชื่อของ น.ส.เบญญาภา เนื่องจากการประกาศรายชื่อผู้สอบผ่านในรอบแรกเกิดข้อผิดพลาด ซึ่งเรื่องดังกล่าวทำให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีที่เกิดขึ้น โดย ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ได้กำชับให้คณะกรรมการสอบสวนฯ เร่งดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายใน 7 วันนั้น

เมื่อวันที่ 18 ก.ย. 2567 นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ได้รับการยืนยันจากทาง สพฐ. ว่าจะสรุปผลการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวในวันที่ 20 ก.ย. นี้ แน่นอน และจะมีการแถลงข่าวเพื่อให้สังคมได้รับทราบ เนื่องจากเป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจมาก ทั้งนี้จากการเกาะติดเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ทราบว่าทางคณะกรรมการสอบสวนฯ ได้เร่งทำงานกันอย่างหนัก เพื่อให้ได้ข้อมูลรอบคอบรอบด้าน และมีการประสานการทำงานร่วมกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อย่างใกล้ชิด ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะทำให้สังคมมีความเชื่อมั่นในกระบวนการตรวจสอบครั้งนี้มากกว่าที่ สพฐ. ทำการตรวจสอบโดยลำพัง และไม่ว่าผลที่ออกมาไม่ว่าจะออกมาในทางใด คณะกรรมการสอบสวนฯ จะต้องตอบสังคมได้ในทุกประเด็น

“หากผลการตรวจสอบออกมาว่า น.ส.เบญญาภา สอบไม่ได้จริง ๆ ก็คงต้องหาทางเยียวยา เพราะถือว่าได้รับผลกระทบ แต่จะแบบใดนั้น ก็ต้องอยู่บนพื้นฐานของระเบียบ กฎหมาย และข้อบังคับที่ถูกต้อง คงไม่ใช่ช่วยเหลือให้ได้เป็นพนักงานราชการแน่นอน” กล่าวและว่า ส่วนกรณีของผู้ได้รับการคัดเลือกจากการประกาศรายชื่อในรอบที่สอง ที่ถูกมองว่าเป็นผู้มีนามสกุลดังเหมือนผู้หลักผู้ใหญ่ในจังหวัด นั้น ตนคิดว่าแม้จะมีนามสกุลดัง แต่ตราบใดที่ทำทุกอย่างถูกต้อง ไม่ได้มีการทุจริต หรือทำผิดอะไรก็ไม่ใช่เรื่องแปลก อย่างไรก็ตามขอให้รอผลการสอบสวนฯ ไม่อยากให้ไปตัดสินใครเพียงแค่นามสกุล ทั้งที่ผลการตรวจสอบยังไม่ออกมา”

ด้าน ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า ขณะนี้คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวทำงานกันอย่างหนัก โดยยังคงยืนยันว่าวันที่ 20 ก.ย. นี้ จะสรุปผลการสอบสวนฯ และแถลงให้สังคมได้รับทราบ ผลการสอบสวนต้องเสร็จวันที่ 20 ก.ย. นี้

นายพัฒนะ พัฒนทวีดล รองเลขาธิการ กพฐ. กล่าวว่า ยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ส่งผลกระทบ ทำให้ขาดความน่าเชื่อถือกับสังคม ซึ่งต่อไปจะต้องมีการกำชับเพิ่มเติม หรือในอนาคตอาจจะต้องมีการเพิ่มบทลงโทษ ในกรณีที่เกิดความผิดพลาดเช่นนี้ ให้มีความเข้มข้นขึ้นด้วย.