สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์ เมื่อวันที่ 18 ก.ย. ว่า จำนวนรถยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนในนอร์เวย์ อยู่ที่อย่างน้อย 754,303 คันแล้วในปีนี้ แซงหน้าตัวเลขของรถยนต์ดีเซล ซึ่งอยู่ที่ 753,905 คัน เป็นครั้งแรก จากจำนวนรถยนต์ทั้งหมด 2.8 ล้านคัน

แม้รถยนต์ดีเซลจะยังคงมีจำนวนมากเกือบ 1 ล้านคัน แต่ยอดขายกลับลดลงอย่างรวดเร็ว “การเปลี่ยนผ่านสู่รถยนต์ไฟฟ้าเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และนอร์เวย์กำลังจะก้าวสู่ประเทศแรก ซึ่งใช้รถอีวีเป็นรถยนต์ส่วนบุคคลมากที่สุด” นายออยวินด์ โซลเบิร์ก ธอร์เซน ผู้อำนวยการโอเอฟวี กล่าว พร้อมเสริมว่า ในปี 2569 นอร์เวย์จะมีรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่ารถยนต์ดีเซล

ตามข้อมูลขององค์การพลังงานระหว่างประเทศ (ไออีเอ) รถอีวีคิดเป็นร้อยละ 3.2 ของจำนวนรถยนต์ทั่วโลก เมื่อปี 2566 โดยในฝรั่งเศส คิดเป็นร้อยละ 4.1 จีน ร้อยละ 7.6 และไอซ์แลนด์ ร้อยละ 18 ซึ่งรวมไปถึงรถยนต์ไฮบริด

ปัจจุบัน นอร์เวย์ซึ่งไม่ได้เป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) เป็นหนึ่งในผู้ผลิตน้ำมันและก๊าซรายใหญ่ของโลก กำหนดเป้าจำหน่ายเพียงรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด ในปี 2568 ซึ่งเร็วกว่าเป้าหมายของอียูถึง 10 ปี

เพื่อตอบสนองต่อพันธกรณีด้านสภาพภูมิอากาศของนอร์เวย์ ทางการได้เสนอการคืนภาษีรถยนต์ไฟฟ้าจำนวนมาก ทำให้รถอีวีมีราคาที่แข่งขันได้ เมื่อเทียบกับรถยนต์เชื้อเพลิง รถยนต์ดีเซล และรถยนต์ไฮบริดซึ่งเสียภาษีสูง นอกจากนั้น ยังมีแรงจูงใจด้านอื่น ๆ เช่น การยกเว้นค่าธรรมเนียมทางด่วนในตัวเมือง ที่จอดรถฟรี และการใช้เลนขนส่งสาธารณะ ซึ่งแม้ว่าจะถูกยกเลิกบ้างในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

ตรงข้ามกับประเทศอื่นในทวีปยุโรป ซึ่งมียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าเริ่มลดลงในช่วงปลายปี 2566 และคิดเป็นเพียงร้อยละ 12.5 ของรถยนต์ใหม่ตั้งแต่ต้นปี รวมไปถึงประเทศเพื่อนบ้านอย่างสวีเดน ที่ยอดขายลดลงในปีนี้เป็นครั้งแรก ซึ่งคาดว่าเป็นผลมาจากนโยบายยกเลิกส่วนลดรถอีวีของรัฐบาล.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES