นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า วันนี้ผมมีความสุขอย่างยิ่ง ที่ทางราชวิทยาลัยแพทย์ออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย และสมาคมออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย ร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) การขับเคลื่อนโครงการพัฒนานวัตกรรมการจัดการด้านดูแลติดตามและเฝ้าระวังทางสุขภาพของผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงต่อการพลัดตกหกล้มและกระดูกหักรวมถึงการหักซ้ำ กับกระทรวงมหาดไทย ดังที่ศาสตราจารย์นายแพทย์กีรติ เจริญชลวานิช ประธานรับเลือกราชวิทยาลัยแพทย์ออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย และสมาคมออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย ได้กล่าวว่าสังคมไทย 5 คน มีผู้สูงอายุ 1 คน เพราะเราเป็นสังคมผู้สูงอายุ ซึ่งเรื่องสำคัญที่ทุกคนทราบว่าเด็กที่มีกระดูกแข็งแรง ก็จะทำให้เติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่แข็งแรง เพราะว่ากระทรวงมหาดไทยมีหน้าที่ในการ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ซึ่งครอบคลุมการดูแลตั้งแต่เกิดจนถึงตาย ทั้งเรื่องชีวิต สิ่งแวดล้อม ตลอดจนถึงศีลธรรม การศึกษา การช่วยเหลือสงเคราะห์ การสร้างสังคมที่เต็มไปด้วยสมาชิกและคนในสังคมที่มีความรักความสามัคคีปรองดอง ทำให้พวกเราทุกคนปลอดจากภัยอันตราย อาชญากรรม ยาเสพติด หรืออุบัติภัยต่าง ๆ จึงเป็นที่มาของหน้าที่ของเราชาวมหาดไทย

“ขอขอบคุณราชวิทยาลัยแพทย์ออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย และสมาคมออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย ที่กรุณาให้เกียรติมาจับมือร่วมกับพวกเราชาวมหาดไทย ในการนำเอาสิ่งที่ดีไปสู่พี่น้องประชาชน และผมมั่นใจว่า หากสมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย สมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย ภายใต้การเป็นพี่เลี้ยงและผู้ประสานงานที่ดีเยี่ยมของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น อันมีท่านผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอในพื้นที่ ในการจับมือร่วมกันทำให้ความประสงค์ที่อยากเห็นเด็กมีกระดูกที่แข็งแรง มีผู้ใหญ่ที่แข็งแรง มีผู้สูงอายุที่แข็งแรง จะเกิดขึ้นได้จริง รวมถึงงานบำบัดทุกข์บำรุงสุขของรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยก็จะเกิดขึ้นได้จริง” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวในช่วงต้น

นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวต่อไปอีกว่า ขอให้ทุกคนตระหนักว่า “รากฐานของชีวิตที่ดีขึ้นอยู่กับพ่อแม่” ตั้งแต่คู่สมรสที่จะมีลูกต้องดูแลสุขภาพให้ดี เมื่อตั้งครรภ์ทั้งแม่และเด็กต้องได้รับการดูแลที่ดีจากคนรอบข้าง เพราะสภาวะวิกฤตของสังคมโลก ซึ่งสะท้อนจากที่สภาวะเด็กคลอดก่อนกำหนด เนื่องมาจากเพศหญิงยังไม่พร้อมในการมีลูก เป็นต้น นอกจากนี้ การดูแลเด็กหรือลูกของครอบครัว ต้องมีความรู้ ต้องมีโปรแกรมที่ทำให้คนท้องได้อยู่ในความดูแลของคุณหมอ และเมื่อคลอดออกมาแล้วก็จะได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง ทั้งการได้รับนมแม่ การได้รับวัคซีน การส่งเสริมให้คนในครัวเรือนได้เลี้ยงดูอย่างถูกวิธี ตลอดจนเมื่อเติบโตขึ้นแล้วต้องได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน อาทิ การรับประทานไข่ไก่วันละ 3 ฟอง รวมถึงเรื่องการส่งเสริมให้ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ

“ที่กล่าวไปทั้งหมดนั้นจะเห็นว่ากระทรวงมหาดไทยเราถึงดูแลคนทุกช่วงวัย ตั้งแต่อยู่ในครรภ์จนถึงเสียชีวิต เพื่อให้ประชาชนทุกคนได้รับสิ่งที่ดี ซึ่งเรามีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้ง อบจ. อบต. เทศบาล ร่วมกับกรุงเทพมหานครและเมืองพัทยา ในการช่วยกันนำเอานโยบายและองค์ความรู้ไปสู่พี่น้องประชาชนในทางปฏิบัติ ผมจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) การขับเคลื่อนโครงการพัฒนานวัตกรรมการจัดการด้านดูแลติดตามและเฝ้าระวังทางสุขภาพของผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงต่อการพลัดตกหกล้มและกระดูกหักรวมถึงการหักซ้ำ ในวันนี้ จะนำไปสู่การขับเคลื่อนงานอย่างจริงจัง ภายใต้ความมุ่งมั่นตั้งใจของตัวแทนของพี่น้องประชาชนในท้องถิ่นทุกแห่ง รวมถึงความปรารถนาดีของผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอและผู้บริหารของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ในการที่จะทำให้นโยบายดี ๆ เหล่านี้ ไปสู่การปฏิบัติเกิดผลดีต่อพี่น้องประชาชน เพราะเราอยากให้พี่น้องประชาชนทุกครัวเรือนได้รับประโยชน์จากการทำงานของพวกเราทุกคน ในการจะช่วยกันขับเคลื่อนสิ่งที่ดี “โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”

นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอเป็นกำลังใจให้ราชวิทยาลัยแพทย์ออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย สมาคมออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย ตลอดจนพี่น้องบุคลากรทางการแพทย์ ผู้มีความมุ่งหวังในการช่วยกันขจัดปัดเป่าความทุกข์ของผู้สูงอายุ ทั้งการสร้างองค์ความรู้ ระบบในการเฝ้าระวัง และเป็นตัวแทนทุกภาคส่วนในเรื่องการดูแลช่วยทำให้ผู้สูงอายุและผู้ที่พลัดตกหกล้มได้ไปถึงมือแพทย์ในเวลาอันรวดเร็ว และสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ ซึ่งองค์ความรู้ในเรื่องสำคัญในระยะต่อไปที่ต้องทำควบคู่กันคือการดูแลสุขภาพอนามัยของคนทุกช่วงวัย ทุกเพศทุกวัยตั้งแต่อยู่ในครรภ์จนถึงเติบโต ให้ทุกคนได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน ได้ออกกำลังกาย และได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี มีหลักการปฏิบัติและดำรงชีวิตในลักษณะ “Safety First” หรือวัฒนธรรมความปลอดภัย ซึ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องช่วยกันขับเคลื่อนให้เกิดขึ้นในทุกมิติ

“การขับเคลื่อนอย่างทรงพลังเหล่านี้ จะเกิดขึ้นได้ขึ้นอยู่กับตัวพวกเราทุกคนในการกระตุ้นปลุกเร้า ทำให้สิ่งดีๆเกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชน การดำเนินการในครั้งนี้พวกเราทุกคนได้แสดงออกด้วยจิตใจที่มุ่งมั่นตั้งใจอยากให้พี่น้องประชาชนมีความสุขอย่างยั่งยืน นับเป็นการแบ่งเบาพระราชภาระและสนองพระราชปณิธานแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงพระราชทานพระบรมราชโองการองค์ที่ 2 อันแสดงออกถึงน้ำพระราชหฤทัยอันแน่วแน่ ที่อยากให้พวกเราทุกคนช่วยกันทำให้ “ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข แก้ไขในสิ่งผิด สืบสานพระราชปณิธาน ภายใต้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” เพราะการใช้ชีวิตที่ผิดพลาด หรือมีความรู้ที่ผิดพลาด พวกเราทุกคนจะได้ช่วยกันแก้ไขได้ และทำให้พี่น้องประชาชนมีความสุขอย่างยั่งยืนด้วยกัน ดังที่กระทรวงมหาดไทย ได้ร่วมกับ 7 ภาคีเครือข่าย ประกาศเจตนารมณ์และมาเป็นสักขีพยานร่วมกันในการทำสิ่งที่ดี “Change for Good” ให้เกิดขึ้นกับสังคม” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวในช่วงท้าย

ศาสตราจารย์นายแพทย์กีรติ เจริญชลวานิช ประธานรับเลือกราชวิทยาลัยแพทย์ออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย และสมาคมออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในนามของตัวแทนราชวิทยาลัยแพทย์ออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย และสมาคมออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศ มีความภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่จะได้เข้าร่วมพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือกับหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการดูแล “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” พี่น้องประชาชนทั่วทั้งประเทศ นั่นคือกระทรวงมหาดไทย ซึ่งในวันนี้จะเป็นโอกาสสำคัญอย่างยิ่งของการดูแลสาธารณสุขของประเทศไทย เพราะประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มตัว กล่าวคือ อัตราส่วนประชากรของคนไทย ใน 5 คน มีผู้สูงอายุ 1 คนในนั้น และอีก 4 คนจะต้องทุ่มเทสรรพกำลังในการดูแลผู้สูงอายุ 1 ท่าน หากท่านนี้มีความแข็งแรงและมีสุขภาพที่ดีก็จะเป็นกำลังสำคัญที่จะดูแลอีก 4 ท่าน ขอขอบคุณกระทรวงมหาดไทยที่ให้ความสำคัญเล็งเห็นถึงความสำคัญของสังคมผู้สูงอายุ

“ราชวิทยาลัยแพทย์ออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย และสมาคมออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย มีความแข็งแรงในด้านวิชาการ เรามีองค์ความรู้ในการที่จะดูแลป้องกันและเฝ้าระวัง รวมถึงการดูแลรักษาอย่างครบวงจร ซึ่งสิ่งที่ในทางราชวิทยาลัยฯ จะดูแลให้มากยิ่งขึ้นคือการเฝ้าระวังและป้องกัน ซึ่งอัตราของผู้สูงอายุมีการหกล้มอาจมีโอกาสสูญเสียชีวิตถึงร้อยละ 40 หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง ดังนั้น หากเราป้องกันการพลัดตกหกล้มได้สิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุของเรากลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ ขอขอบคุณกระทรวงมหาดไทยที่มี ระบบการดูแลประชาชนอย่างครอบคลุมทั่วทั้งประเทศทุกตารางนิ้ว ทั้งในระดับจังหวัด อำเภอ ตำบล และ ภายใต้การดูแลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งกระทรวงมหาดไทยให้ความสำคัญตลอดครบวงจร ทั้งนี้ การจับมือร่วมกันและลงนามบันทึกความร่วมมือในครั้งนี้ เนื่องจากราชวิทยาลัยแพทย์ออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย มีสมาชิกทั่วประเทศ 3,102 ท่าน และพร้อมที่จะช่วยกันนำองค์ความรู้ถ่ายทอด และเดินไปด้วยกันกับกระทรวงมหาดไทยในการดูแลผู้สูงอายุให้มีสุขภาพที่แข็งแรง ลดความเสี่ยงที่กลุ่มเสี่ยงผู้สูงอายุจะกระดูกหัก และสิ่งเหล่านี้จะเป็นต้นแบบในการดูแลสุขภาพต่อไป ทั้งในระยะมัชฌิมวัยและปฐมวัย นั่นคือความสำคัญเพราะกระดูกที่แข็งแรงตั้งแต่เด็ก คือคุณภาพและคุณสมบัติความแข็งแรงของประชาชนในวัยกลางคนและวัยสูงวัย ซึ่งเป็นสิ่งที่เรามุ่งมั่นและเห็นความสำคัญในการที่จะร่วมกับกระทรวงมหาดไทย” ศาสตราจารย์นายแพทย์กีรติฯ กล่าว

นายขจร ศรีชวโนทัย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กล่าวว่า สืบเนื่องจาก กระทรวงมหาดไทย ราชวิทยาลัยแพทย์ออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย และสมาคมออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย มีความมุ่งมั่นต้องการที่จะบูรณาการความร่วมมือในการขับเคลื่อนโครงการพัฒนานวัตกรรม การจัดการด้านดูแลติดตามและเฝ้าระวังทางสุขภาพ เพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพชีวิตและสุขภาวะที่ดีขึ้น ป้องกัน และแก้ไขปัญหา การพลัดตกหกล้ม และกระดูกหักบริเวณรอบข้อสะโพกในกลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ผู้สูงอายุ” ทางกระทรวงมหาดไทย จึงได้หารือกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายในประเด็นดังกล่าว เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการขับเคลื่อนระบบการดูแล ติดตามและเฝ้าระวังประชาชนทุกช่วงวัย ทั้งในระดับจังหวัด อำเภอ หมู่บ้าน ชุมชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ดังปณิธานของกระทรวงมหาดไทยในการบำบัดทุกข์บำรุงสุข นำไปสู่สังคมที่ประชาชน มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในการดูแลและเฝ้าระวังสุขภาพของตนเองเพื่อเป็นการขับเคลื่อนตามวัตถุประสงค์ดังกล่าว กระทรวงมหาดไทย ราชวิทยาลัยแพทย์ออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย และสมาคมออร์โธปิดิกส์ แห่งประเทศไทย จึงได้ร่วมกันจัดงานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการขับเคลื่อนโครงการพัฒนานวัตกรรมการจัดการด้านดูแลติดตามและเฝ้าระวังทางสุขภาพของผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยง ต่อการพลัดตกหกล้มและกระดูกหัก รวมถึงการหักซ้ำ เพื่อสร้างความร่วมมือในการดูแล และเฝ้าระวังผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยง ที่จะนำมาซึ่งประโยชน์ต่อการพัฒนาระบบสาธารณสุขของประเทศไทยต่อไป

เมื่อวันที่ 17 ก.ย. ที่ห้องประชุมราชบพิธ ชั้น 5 อาคารดำรงราชานุสรณ์ กระทรวงมหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย ศาสตราจารย์นายแพทย์กีรติ เจริญชลวานิช ประธานรับเลือกราชวิทยาลัยแพทย์ออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย และสมาคมออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย ร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) การขับเคลื่อนโครงการพัฒนานวัตกรรมการจัดการด้านดูแลติดตามและเฝ้าระวังทางสุขภาพของผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงต่อการพลัดตกหกล้มและกระดูกหักรวมถึงการหักซ้ำ ระหว่าง กระทรวงมหาดไทย ราชวิทยาลัยแพทย์ออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย และสมาคมออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย โดยมี นายธงชัย ลิขิตพรสวรรค์ นายประสพโชค อยู่สำราญ ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย นายขจร ศรีชวโนทัย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นพ.วิรัตน์ คงเจริญสมบัติ อุปนายกสมาคมออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย ดร.วิระศักดิ์ ฮาดดา นายกสมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย นายศิริพันธ์ ศรีกงพลี รองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น คณะกรรมการราชวิทยาลัยแพทย์ออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทยและคณะกรรมการสมาคมออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย ร่วมเป็นสักขีพยาน โอกาสนี้ คณะผู้บริหารระดับกรมในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ผู้แทนหน่วยงาน อาทิ กรมอนามัย สมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และสื่อมวลชน ร่วมพิธี

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า วันนี้ผมมีความสุขอย่างยิ่ง ที่ทางราชวิทยาลัยแพทย์ออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย และสมาคมออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย ร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) การขับเคลื่อนโครงการพัฒนานวัตกรรมการจัดการด้านดูแลติดตามและเฝ้าระวังทางสุขภาพของผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงต่อการพลัดตกหกล้มและกระดูกหักรวมถึงการหักซ้ำ กับกระทรวงมหาดไทย ดังที่ศาสตราจารย์นายแพทย์กีรติ เจริญชลวานิช ประธานรับเลือกราชวิทยาลัยแพทย์ออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย และสมาคมออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย ได้กล่าวว่าสังคมไทย 5 คน มีผู้สูงอายุ 1 คน เพราะเราเป็นสังคมผู้สูงอายุ ซึ่งเรื่องสำคัญที่ทุกคนทราบว่าเด็กที่มีกระดูกแข็งแรง ก็จะทำให้เติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่แข็งแรง เพราะว่ากระทรวงมหาดไทยมีหน้าที่ในการ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ซึ่งครอบคลุมการดูแลตั้งแต่เกิดจนถึงตาย ทั้งเรื่องชีวิต สิ่งแวดล้อม ตลอดจนถึงศีลธรรม การศึกษา การช่วยเหลือสงเคราะห์ การสร้างสังคมที่เต็มไปด้วยสมาชิกและคนในสังคมที่มีความรักความสามัคคีปรองดอง ทำให้พวกเราทุกคนปลอดจากภัยอันตราย อาชญากรรม ยาเสพติด หรืออุบัติภัยต่าง ๆ จึงเป็นที่มาของหน้าที่ของเราชาวมหาดไทย

“ขอขอบคุณราชวิทยาลัยแพทย์ออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย และสมาคมออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย ที่กรุณาให้เกียรติมาจับมือร่วมกับพวกเราชาวมหาดไทย ในการนำเอาสิ่งที่ดีไปสู่พี่น้องประชาชน และผมมั่นใจว่า หากสมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย สมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย ภายใต้การเป็นพี่เลี้ยงและผู้ประสานงานที่ดีเยี่ยมของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น อันมีท่านผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอในพื้นที่ ในการจับมือร่วมกันทำให้ความประสงค์ที่อยากเห็นเด็กมีกระดูกที่แข็งแรง มีผู้ใหญ่ที่แข็งแรง มีผู้สูงอายุที่แข็งแรง จะเกิดขึ้นได้จริง รวมถึงงานบำบัดทุกข์บำรุงสุขของรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยก็จะเกิดขึ้นได้จริง” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวในช่วงต้น

นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวต่อไปอีกว่า ขอให้ทุกคนตระหนักว่า “รากฐานของชีวิตที่ดีขึ้นอยู่กับพ่อแม่” ตั้งแต่คู่สมรสที่จะมีลูกต้องดูแลสุขภาพให้ดี เมื่อตั้งครรภ์ทั้งแม่และเด็กต้องได้รับการดูแลที่ดีจากคนรอบข้าง เพราะสภาวะวิกฤตของสังคมโลก ซึ่งสะท้อนจากที่สภาวะเด็กคลอดก่อนกำหนด เนื่องมาจากเพศหญิงยังไม่พร้อมในการมีลูก เป็นต้น นอกจากนี้ การดูแลเด็กหรือลูกของครอบครัว ต้องมีความรู้ ต้องมีโปรแกรมที่ทำให้คนท้องได้อยู่ในความดูแลของคุณหมอ และเมื่อคลอดออกมาแล้วก็จะได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง ทั้งการได้รับนมแม่ การได้รับวัคซีน การส่งเสริมให้คนในครัวเรือนได้เลี้ยงดูอย่างถูกวิธี ตลอดจนเมื่อเติบโตขึ้นแล้วต้องได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน อาทิ การรับประทานไข่ไก่วันละ 3 ฟอง รวมถึงเรื่องการส่งเสริมให้ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ

“ที่กล่าวไปทั้งหมดนั้นจะเห็นว่ากระทรวงมหาดไทยเราถึงดูแลคนทุกช่วงวัย ตั้งแต่อยู่ในครรภ์จนถึงเสียชีวิต เพื่อให้ประชาชนทุกคนได้รับสิ่งที่ดี ซึ่งเรามีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้ง อบจ. อบต. เทศบาล ร่วมกับกรุงเทพมหานครและเมืองพัทยา ในการช่วยกันนำเอานโยบายและองค์ความรู้ไปสู่พี่น้องประชาชนในทางปฏิบัติ ผมจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) การขับเคลื่อนโครงการพัฒนานวัตกรรมการจัดการด้านดูแลติดตามและเฝ้าระวังทางสุขภาพของผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงต่อการพลัดตกหกล้มและกระดูกหักรวมถึงการหักซ้ำ ในวันนี้ จะนำไปสู่การขับเคลื่อนงานอย่างจริงจัง ภายใต้ความมุ่งมั่นตั้งใจของตัวแทนของพี่น้องประชาชนในท้องถิ่นทุกแห่ง รวมถึงความปรารถนาดีของผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอและผู้บริหารของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ในการที่จะทำให้นโยบายดี ๆ เหล่านี้ ไปสู่การปฏิบัติเกิดผลดีต่อพี่น้องประชาชน เพราะเราอยากให้พี่น้องประชาชนทุกครัวเรือนได้รับประโยชน์จากการทำงานของพวกเราทุกคน ในการจะช่วยกันขับเคลื่อนสิ่งที่ดี “โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”

นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอเป็นกำลังใจให้ราชวิทยาลัยแพทย์ออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย สมาคมออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย ตลอดจนพี่น้องบุคลากรทางการแพทย์ ผู้มีความมุ่งหวังในการช่วยกันขจัดปัดเป่าความทุกข์ของผู้สูงอายุ ทั้งการสร้างองค์ความรู้ ระบบในการเฝ้าระวัง และเป็นตัวแทนทุกภาคส่วนในเรื่องการดูแลช่วยทำให้ผู้สูงอายุและผู้ที่พลัดตกหกล้มได้ไปถึงมือแพทย์ในเวลาอันรวดเร็ว และสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ ซึ่งองค์ความรู้ในเรื่องสำคัญในระยะต่อไปที่ต้องทำควบคู่กันคือการดูแลสุขภาพอนามัยของคนทุกช่วงวัย ทุกเพศทุกวัยตั้งแต่อยู่ในครรภ์จนถึงเติบโต ให้ทุกคนได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน ได้ออกกำลังกาย และได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี มีหลักการปฏิบัติและดำรงชีวิตในลักษณะ “Safety First” หรือวัฒนธรรมความปลอดภัย ซึ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องช่วยกันขับเคลื่อนให้เกิดขึ้นในทุกมิติ

“การขับเคลื่อนอย่างทรงพลังเหล่านี้ จะเกิดขึ้นได้ขึ้นอยู่กับตัวพวกเราทุกคนในการกระตุ้นปลุกเร้า ทำให้สิ่งดีๆเกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชน การดำเนินการในครั้งนี้พวกเราทุกคนได้แสดงออกด้วยจิตใจที่มุ่งมั่นตั้งใจอยากให้พี่น้องประชาชนมีความสุขอย่างยั่งยืน นับเป็นการแบ่งเบาพระราชภาระและสนองพระราชปณิธานแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงพระราชทานพระบรมราชโองการองค์ที่ 2 อันแสดงออกถึงน้ำพระราชหฤทัยอันแน่วแน่ ที่อยากให้พวกเราทุกคนช่วยกันทำให้ “ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข แก้ไขในสิ่งผิด สืบสานพระราชปณิธาน ภายใต้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” เพราะการใช้ชีวิตที่ผิดพลาด หรือมีความรู้ที่ผิดพลาด พวกเราทุกคนจะได้ช่วยกันแก้ไขได้ และทำให้พี่น้องประชาชนมีความสุขอย่างยั่งยืนด้วยกัน ดังที่กระทรวงมหาดไทย ได้ร่วมกับ 7 ภาคีเครือข่าย ประกาศเจตนารมณ์และมาเป็นสักขีพยานร่วมกันในการทำสิ่งที่ดี “Change for Good” ให้เกิดขึ้นกับสังคม” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวในช่วงท้าย

ศาสตราจารย์นายแพทย์กีรติ เจริญชลวานิช ประธานรับเลือกราชวิทยาลัยแพทย์ออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย และสมาคมออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในนามของตัวแทนราชวิทยาลัยแพทย์ออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย และสมาคมออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศ มีความภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่จะได้เข้าร่วมพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือกับหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการดูแล “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” พี่น้องประชาชนทั่วทั้งประเทศ นั่นคือกระทรวงมหาดไทย ซึ่งในวันนี้จะเป็นโอกาสสำคัญอย่างยิ่งของการดูแลสาธารณสุขของประเทศไทย เพราะประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มตัว กล่าวคือ อัตราส่วนประชากรของคนไทย ใน 5 คน มีผู้สูงอายุ 1 คนในนั้น และอีก 4 คนจะต้องทุ่มเทสรรพกำลังในการดูแลผู้สูงอายุ 1 ท่าน หากท่านนี้มีความแข็งแรงและมีสุขภาพที่ดีก็จะเป็นกำลังสำคัญที่จะดูแลอีก 4 ท่าน ขอขอบคุณกระทรวงมหาดไทยที่ให้ความสำคัญเล็งเห็นถึงความสำคัญของสังคมผู้สูงอายุ “ราชวิทยาลัยแพทย์ออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย และสมาคมออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย มีความแข็งแรงในด้านวิชาการ เรามีองค์ความรู้ในการที่จะดูแลป้องกันและเฝ้าระวัง รวมถึงการดูแลรักษาอย่างครบวงจร ซึ่งสิ่งที่ในทางราชวิทยาลัยฯ จะดูแลให้มากยิ่งขึ้นคือการเฝ้าระวังและป้องกัน ซึ่งอัตราของผู้สูงอายุมีการหกล้มอาจมีโอกาสสูญเสียชีวิตถึงร้อยละ 40 หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง ดังนั้น หากเราป้องกันการพลัดตกหกล้มได้สิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุของเรากลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ ขอขอบคุณกระทรวงมหาดไทยที่มี ระบบการดูแลประชาชนอย่างครอบคลุมทั่วทั้งประเทศทุกตารางนิ้ว ทั้งในระดับจังหวัด อำเภอ ตำบล และ ภายใต้การดูแลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งกระทรวงมหาดไทยให้ความสำคัญตลอดครบวงจร ทั้งนี้ การจับมือร่วมกันและลงนามบันทึกความร่วมมือในครั้งนี้ เนื่องจากราชวิทยาลัยแพทย์ออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย มีสมาชิกทั่วประเทศ 3,102 ท่าน และพร้อมที่จะช่วยกันนำองค์ความรู้ถ่ายทอด และเดินไปด้วยกันกับกระทรวงมหาดไทยในการดูแลผู้สูงอายุให้มีสุขภาพที่แข็งแรง ลดความเสี่ยงที่กลุ่มเสี่ยงผู้สูงอายุจะกระดูกหัก และสิ่งเหล่านี้จะเป็นต้นแบบในการดูแลสุขภาพต่อไป ทั้งในระยะมัชฌิมวัยและปฐมวัย นั่นคือความสำคัญเพราะกระดูกที่แข็งแรงตั้งแต่เด็ก คือคุณภาพและคุณสมบัติความแข็งแรงของประชาชนในวัยกลางคนและวัยสูงวัย ซึ่งเป็นสิ่งที่เรามุ่งมั่นและเห็นความสำคัญในการที่จะร่วมกับกระทรวงมหาดไทย” ศาสตราจารย์นายแพทย์กีรติฯ กล่าว

นายขจร ศรีชวโนทัย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กล่าวว่า สืบเนื่องจาก กระทรวงมหาดไทย ราชวิทยาลัยแพทย์ออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย และสมาคมออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย มีความมุ่งมั่นต้องการที่จะบูรณาการความร่วมมือในการขับเคลื่อนโครงการพัฒนานวัตกรรม การจัดการด้านดูแลติดตามและเฝ้าระวังทางสุขภาพ เพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพชีวิตและสุขภาวะที่ดีขึ้น ป้องกัน และแก้ไขปัญหา การพลัดตกหกล้ม และกระดูกหักบริเวณรอบข้อสะโพกในกลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ผู้สูงอายุ” ทางกระทรวงมหาดไทย จึงได้หารือกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายในประเด็นดังกล่าว เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการขับเคลื่อนระบบการดูแล ติดตามและเฝ้าระวังประชาชนทุกช่วงวัย ทั้งในระดับจังหวัด อำเภอ หมู่บ้าน ชุมชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ดังปณิธานของกระทรวงมหาดไทยในการบำบัดทุกข์บำรุงสุข นำไปสู่สังคมที่ประชาชน มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในการดูแลและเฝ้าระวังสุขภาพของตนเองเพื่อเป็นการขับเคลื่อนตามวัตถุประสงค์ดังกล่าว กระทรวงมหาดไทย ราชวิทยาลัยแพทย์ออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย และสมาคมออร์โธปิดิกส์ แห่งประเทศไทย จึงได้ร่วมกันจัดงานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการขับเคลื่อนโครงการพัฒนานวัตกรรมการจัดการด้านดูแลติดตามและเฝ้าระวังทางสุขภาพของผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยง ต่อการพลัดตกหกล้มและกระดูกหัก รวมถึงการหักซ้ำ เพื่อสร้างความร่วมมือในการดูแล และเฝ้าระวังผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยง ที่จะนำมาซึ่งประโยชน์ต่อการพัฒนาระบบสาธารณสุขของประเทศไทยต่อไป