เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 17 ก.ย. ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้โพสต์ภาพ และข้อความเหตุการณ์อุบัติเหตุของแฟนสาว ถูกตำรวจ สภ.บ้านเป็ด ชนแล้วหนี โดยเจ้าของโพสต์เล่าว่า

เมื่อวันที่ 11 ก.ย. เวลา 21.47 น. แฟนตนไปกินหมูกระทะกับพี่ที่ทำงาน ตนเห็นว่าดึกแล้วยังไม่ถึงบ้าน จึงโทรฯหาและมีกู้ภัยรับสายบอกว่าเจ้าของโทรศัพท์เครื่องนี้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ อยู่ถนนเลี่ยงเมืองตรงบ้านเป็ด ตนจึงรีบไปที่เกิดเหตุและเห็นแฟนตนเสียชีวิต หลังจากสอบถามทางกู้ภัยว่า คู่กรณีอยู่ไหน กู้ภัยบอกว่าหลบหนีไปแล้ว แต่มีทะเบียนตกอยู่ที่เกิดเหตุ ตนจึงสอบถามไปกับทางกู้ภัยว่าแล้วมีผู้เห็นเหตุการณ์ไหม เขาบอกว่ามีแต่เขากลับไปแล้วและไม่ได้ให้ข้อมูลติดต่อไว้ด้วย

วันที่ 12 ก.ย. ตนและเพื่อนๆ ได้เดินทางมาที่ สภ.บ้านเป็ด เพื่อลงบันทึกประจำวันและได้มีการสอบถามรายละเอียดต่างๆ ตนแจ้งว่าแฟนถูกชนแล้วหนี ให้ช่วยตามหาคนผิดให้ด้วย  และตนก็ได้สอบถามเกี่ยวกับแผ่นป้ายทะเบียนของรถจักรยานยนต์ของแฟนว่าอยู่ที่ไหน ทำไมถึงไม่อยู่ในที่เกิดเหตุ เพราะแฟนตนเอาไว้ใต้เบาะรถ ทางร้อยเวรจึงออกไป ณ จุดเกิดเหตุเพื่อนำรถจักรยานยนต์ของแฟนตนมาที่ สภ.บ้านเป็ด แต่ไม่พบแผ่นป้ายทะเบียน และทางร้อยเวรก็ได้ทำการบันทึกข้อมูล

ขณะที่ทางร้อยเวรได้โทรฯมาหา บอกว่าทราบตัวคู่กรณีแล้ว และบอกชื่อกับตนแต่ไม่บอกนามสกุล ตนจึงได้ย้ำว่ามีการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์หรือยัง ทางร้อยเวรแจ้งว่าจะมีการดำเนินการ ต่อมา เวลา 09.54 น. ตนได้ข้อมูลมาว่าเคยมีตำรวจเมาแล้วทะเลาะกับชาวบ้านแถว สภ.บ้านเป็ด และที่สำคัญ ชื่อตรงกับที่ร้อยเวรแจ้งตนและเป็นตำรวจอยู่ที่ สภ.บ้านเป็ด

หลังจากนั้นตนได้พบกับร้อยเวรที่ทำคดีนี้และได้พูดคุยกันที่หน้าศาลาพิธีกรรม รพ.ศรีนครินทร์ ทางตำรวจแจ้งว่าได้มีการนำคู่กรณีมาตรวจสอบปริมาณแอลกอฮอล์ที่ รพ.ศรีนครินทร์ เช่นกัน ต่อมา วันที่ 13 ก.ย. ตนกับเพื่อนได้เข้าไปที่ สภ.บ้านเป็ด เพื่อขอบันทึกประจำวัน แต่บันทึกประจำวันระบุว่า แฟนตนขี่รถไม่มีแผ่นป้ายทะเบียนและเสียชีวิต ซึ่งไม่มีการระบุใดๆ เกี่ยวกับรถชนแล้วหนี

ต่อมา ตนได้สอบถามผู้กอง เกี่ยวกับการตรวจแอลกอฮอล์คนขับ  ซึ่งคำตอบที่ได้คือให้เป่าแล้ว ช่วงบ่าย 3 หลังจากวันที่เกิดเหตุ แล้วที่เจอกันก่อนหน้านี้บอกพามาตรวจที่ รพ.คืออะไร ยิ่งไปกว่านั้นคู่กรณีบอกว่าขับรถมามอบตัวเองตอน 8.00 น. สภ.นี้ไม่มีคนตรวจวัดแอลกอฮอล์เลยเหรอ แต่กลับปล่อยให้เขากลับบ้านไปแบบหน้าตาเฉย และได้สอบถามผู้กองเพิ่มว่า วันเกิดเหตุตำรวจคู่กรณีได้ติดต่อผู้กองมาไหม ซึ่งผู้กองบอกว่าไม่มีการคุยกัน

ต่อมาในบันทึกประจำวันที่มาคุยในเรื่องค่าเสียหายของแฟนตน ทางผู้กองไม่ยอมลงว่า คู่กรณีหลบหนีในบันทึกประจำวัน มันแปลกมาก จนตนต้องจี้ซ้ำๆ ถึงจะยอมพิมพ์ออกมา และการคุยกันเรื่องค่าเสียหายจบด้วยการไม่ลงตัว และแจ้งว่าจะนัดมาคุยเดือนหน้าแต่ไม่ระบุวันที่ คืออะไร? ตอนนี้ไม่อยากให้เรื่องนี้เงียบ ตนกลัวครอบครัวแฟนผมที่เสียชีวิตจะไม่ได้รับความเป็นธรรม คิดว่า สภ.นี้แปลกๆเหมือนจะพยายามช่วยพวกเดียวกัน วอนสื่อต่างๆ ช่วยผมทีครับ ตนขอร้องจริงๆ”

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ สภ.บ้านเป็ด  โดยพบรถยนต์กระบะของตำรวจคู่กรณีจอดอยู่ที่หน้าโรงพัก เป็นรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รีโว่ 4 ประตู สีดำ หมายเลขทะเบียน งฉ 549 ขอนแก่น ซึ่งเป็นหมายเลขทะเบียนเดียวกันกับที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ

ด้าน พ.ต.อ.ณรชต แก้วเพชร ผกก.สภ.บ้านเป็ด กล่าวว่า  ได้แจ้งข้อกล่าวหากับ จ่าแซม คู่กรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ในข้อหา ขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและอยู่ในขั้นตอนของการดำเนินการตามกฎหมาย  ในส่วนของการหลบหนีนั้น จะต้องทำการสอบปากคำจ่าแซมอย่างละเอียดอีกครั้ง เพราะในวันเกิดเหตุนั้นฝนตกประกอบกับเส้นทางมืด

คำให้การเบื้องต้นของจ่าแซมนั้น บอกว่า ไม่ทราบว่าวันเกิดเหตุได้ไปชนใครหรือไม่ จนกระทั่งกลับมาถึงบ้าน ร้อยเวรเจ้าของคดีพบทะเบียนรถตกอยู่ที่เกิดเหตุ จึงได้โทรฯตามจ่าแซมมาที่โรงพัก ว่าใช่ทะเบียนรถของจ่าแซมหรือไม่ ซึ่งจ่าแซมก็รับว่าใช่ เป็นทะเบียนรถของตัวเองจริง

จากการสอบปากคำรวมทั้งตรวจสอบร่องรอยที่รถ จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าวไป และจะได้ทำการตรวจร่องรอยการชนจาก พฐ.ว่าตรงกับร่องรอยบนรถจักรยานยนต์คันที่เกิดเหตุหรือไม่ หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีพฤติการณ์หลบหนีนั้นก็จะต้องแจ้งข้อหาเพิ่ม ในส่วนของปริมาณแอลกอฮอล์นั้น ทางพนักงานสอบสวนได้ทำการตรวจวัดแล้ว แต่เนื่องจากในวันเกิดเหตุเจ้าตัวไม่ได้อยู่ในจุดเกิดเหตุทำให้ไม่ได้เป่าวัดตั้งแต่แรก แต่มาเป่าในวันต่อมา ซึ่งต้องรอดูผลว่าจะสามารถตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์แล้วขึ้นค่าวัดหรือไม่ หากไม่มีก็จะตรวจสอบพฤติการณ์ในวันเกิดเหตุว่ามีพฤติการณ์ดื่มสุราหรือไม่ และหากตรวจวัดปริมาณไม่เจอก็ยังไม่แจ้งข้อหาเกี่ยวกับเมาแล้วขับ แต่หากสอบสวนแล้วพบว่าน่าจะมีพฤติการณ์มึนเมาก็จะแจ้งข้อหาเพิ่ม แต่ทั้งนี้ในส่วนของทางคดีนั้นยืนยันดำเนินการตามขั้นตอนไม่มีละเว้น

ด้านนายเอ เจ้าของโพสต์ ระบุว่า   ยังติดใจในส่วนของบันทึกประจำวัน ตั้งแต่วันที่แจ้งความกับทางพนักงานสอบสวนว่า มีพฤติการณ์หลบหนีแต่ทางพนักงานสอบสวนไม่ลงให้ วันต่อมาคู่กรณีมามอบตัว ตนเองสอบถามตำรวจหลายคนซึ่งบอกไม่ตรงกัน บางคนก็บอกมาช่วงบ่าย บางคนก็บอกมาช่วงเช้า พอตนเองได้คุยกับคู่กรณี บอกตนเองว่าขับรถมาเองที่โรงพักตอน 08.00 น. ทำให้เกิดความสงสัยว่าถ้ามาช่วง 08.00 น. ทำไมจึงไม่มีการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ไว้ทันที ทำไมจึงปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปเกือบบ่าย 3  ซึ่งได้ทักท้วงไปกับทางพนักงานสอบสวนว่าต้องมีการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์และขอผลตรวจด้วย พร้อมทั้งขอทราบชื่อแพทย์ที่ตรวจด้วย แต่ก็ไม่มีเอกสารเหล่านี้ให้กับตนเอง

การพูดคุยกับคู่กรณีที่ผ่านมา ก็พูดไม่ค่อยตรงกับเหตุการณ์จริงที่ได้ข้อมูลกับทางพนักงานสอบสวน ทั้งยังนัดมาคุยอีกเดือนหน้าก็ไม่มีการระบุวัน เหมือนจะปล่อยให้เงียบไปเฉยๆ ซึ่งตามจริงจะต้องมีการระบุวันนัดคุยกันอย่างชัดเจน หลังเกิดเหตุนั้น ตนเองวิ่งเรื่องทางคดีทั้งหมด โดยทางครอบครัวแฟนรับทราบ เพราะต้องการให้เกิดความเป็นธรรม  ในทางคดีนั้นขอให้ทางตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพราะส่วนตัวมองว่า คนเป็นตำรวจไม่ควรมีพฤติกรรมเช่นนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับคู่กรณีที่เป็นตำรวจนั้น เคยมีประวัติเรื่องพฤติกรรมเมาสุราในเวลาราชการ ซึ่งเคยมีข่าวไปก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเดือน เม.ย. 2567 ที่ผ่านมา โดยมีคลิปเหตุการณ์เมื่อช่วงเทศกาลสงกรานต์  ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านเป็ด ได้ช่วยกันแยก จ่าแซม ออกมาจากกลุ่มวัยรุ่น หลังจากมีปากเสียงทะเลาะกันบริเวณหน้า สภ.บ้านเป็ด โดยที่จ่าแซม ได้อยู่ในอาการเอะอะโวยวายด่ากับกลุ่มวัยรุ่น  กระทั่งต่อมามีคลิปเหตุการณ์จ่าแซมตะโกนด่าเจ้าของร้านอาหารฝั่งตรงข้ามโรงพัก เมื่อวันที่ 22 เม.ย. ด้วยถ้อยคำหยาบคาย เสียๆ หายๆ ต่อเจ้าของร้าน และยังระรานในร้านจนลูกค้าไม่กล้าเข้ามานั่งรับประทานอาหาร ทำให้ร้านอาหารได้รับความเดือดร้อน ซึ่งทาง ผกก.สภ.บ้านเป็ด ได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงไปแล้วในขณะนั้น