จากกรณี น.ส.เบญญาภา (สงวนนามสกุล) หรือ “น้องเบญ” อายุ 24 ปี โพสต์ร้องขอความเป็นธรรม สอบติดพนักงานราชการทั่วไปอันดับที่ 1 เอกวิทยาศาสตร์ สพม.สระแก้ว แต่ผ่านไป 3 วัน ปรากฏว่าชื่อหายไป มีชื่อคนอื่นโผล่ขึ้นมาแทน เมื่อสอบถามไปยังหน่วยงานจัดสอบคือ สพม.สระแก้ว กลับไม่ได้รับคำตอบ มีคนโทรศัพท์ติดต่อขอให้ลบโพสต์ อ้างจะให้เป็นครูอัตราจ้างแทน

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 16 ก.ย. ในรายการโหนกระแส ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ทางช่อง 3 ได้เชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องมาพูดคุยในรายการได้แก่ น้องเบญ ผู้เสียหาย คุณเหมียว น้าของครูเบญ พร้อมด้วย ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม และ ดร.พัฒนะ พัฒนทวีดล รองเลขาธิการคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน

โดยน้องเบญเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้ทำงานครูอัตราจ้างอยู่ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ต้องการสอบครูไปอยู่ จ.สระแก้ว กับตายายและน้าที่เลี้ยงดู เพื่อจะได้อยู่ดูแลพวกท่าน โดยสอบเมื่อวันที่ 7-8 ก.ย. ที่ผ่านมา ตอนสอบมี 106 คนเอกวิทยาศาสตร์ทั่วไป เมื่อสอบเป็นครูแล้วเป็นพนักงานราชการ ก็จะสอบเพื่อรับราชการในขั้นต่อไป วันสอบคิดว่าทำได้ ผลออกมาติดได้ที่ 1 ตอนนั้นดีใจมาก รีบโทรไปบอกยาย พ่อแม่ว่าสอบติด จากนั้นได้มีการแจ้งว่าให้ผู้ผ่านการคัดเลือกลำดับที่ 1 ไปรายงาตัว วันอังคารที่ 17 ก.ย. เวลา 09.00-09.30 น. ณ ห้องบริหารงานบุคคล สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมสระแก้ว

จนกระทั่งวันที่ 12 ก.ย. เวลาบ่ายสามโมง มีเจ้าหน้าที่บอกว่าให้หนูเข้าไปเช็กหน้าเพจ มีการประกาศรายชื่อใหม่ พอไปเช็กก็ปรากฏว่ารายหาย ตอนนั้นทำอะไรไม่ถูก ยังไม่มั่นใจว่ารายชื่อหายไป และเปลี่ยนเป็น น.ส.ปิยะ หลังจากนั้นตกใจมาก บอกให้เพื่อนที่โรงเรียนช่วยเช็ก ปรากฏว่าหายจริง ทำให้เสียใจมาก สงสัยว่าทำไมเขาไม่ติดต่อหรือพยายามอธิบาย ปล่อยเวลาเอาไว้ 3 วัน ซึ่งตนเตรียมตัวทุกอย่างที่จะกลับบ้านแล้ว ขณะที่เพื่อนที่โรงเรียนได้โทรศัพท์ไปถาม สพม. ถึงเหตุที่ชื่อหายไป ก็ได้รับคำตอบว่า มีคนไปเรียกร้องเรื่องข้อสอบผิด ต้องตรวจเช็กใหม่ พอถามว่าตรวจผิดไม่กี่ข้อทำไมชื่อหาย ก็ไม่ได้รับคำตอบ และไม่บอกว่าใครเป็นคนร้องเรียน จึงได้นำเรื่องดังกล่าวไปโพสต์ลงโลกออนไลน์เพื่อให้ให้ทางสังคมช่วยตรวจสอบ

น้องเบญ เล่าต่อว่า หลังจากไม่มีชื่อ รู้สึกว่าความหวังของพ่อแม่ ความหวังของยายได้พังไปหมด รวมทั้งความหวังของตัวเองด้วยเพราะตั้งใจมาก ๆ แล้วก็ดีใจมากที่ตอนแรกหนูสอบได้ (ร้องไห้…) พอเจอชื่อหายไปก็เสียใจมาก เพราะวางแผนทุกอย่างไว้หมดแล้ว จริง ๆ วันจันทร์-อังคารนี้ต้องไปซ้อมรับปริญญา แต่รายชื่อประกาศว่าได้ที่หนึ่ง เขาให้รายงานตัววันที่ 17 ก็เลยยกเลิกทางการรับปริญญาเพื่อเอางาน เพราะงานก็มั่นคงต่อเรา จึงโทรไปติดต่อไม่ขอรับแล้ว เพราะไปรายงานตัววันที่ 17 นี้ หลังจากเกิดเรื่อง “สพม.” โทรมาตอนเช้าอีกวันนึงที่เรื่องที่โพสต์ขอความเป็นธรรม ทาง “สพม.” โทรมาแจ้งให้ลบโพสต์ เขาไม่ได้บอกว่าเพราะอะไร บอกแค่ว่าให้ลบโพสต์แล้วมานั่งคุยกันว่าจะหาวิธีแก้ปัญหาทางไหนอย่างไร แต่ตนไม่ลบเพราะกลัวเรื่องเงียบ ต่อมาทางสพม.ได้ติดต่อผ่านน้าสาว ว่าจะชดเชยด้วยการให้ไปเป็นครูอัตราจ้างที่โรงเรียนที่ตนจบมา

ทนายรณณรงค์ กล่าวว่า น้องเบญไม่ยอม เพราะหากรับตำแหน่งแล้วอยู่เงียบๆ ไป คนไทยอาจไม่มีใครรู้ แต่เขาเลือกสู้เพื่อหาคำตอบ เขาไม่อยากให้เกิดแบบนี้อีก เขาก็เลยสู้ ถ้าน้องว่างั้นก็มาลุยกันดู!

ด้าน ดร.พัฒนะ กล่าวว่า เราทราบวันที่ 12 ก.ย. ทางโซเชียล วันที่ 13 ก็ตั้งกรรมการไปสอบข้อเท็จจริงเลย โดยตั้งนิติกร ลงนามแต่งตั้งไปสอบข้อเท็จจริง ถ้าเป็นความผิดของผู้ดำเนินการ บุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เราจะมีมาตรฐานโทษของเราอยู่แล้ว โทษสูงสุดคือไล่ออกครับ ทั้งนี้ เมื่อประกาศผลไปแล้ว คนที่สอบไม่ติดเขาขึ้นเฟซว่ามีข้อสอบข้อนี้ ไม่มีคำตอบที่ถูกต้อง เขาจำข้อสอบได้ เขาให้คนติวดู ซึ่งดูแล้วไม่มีคำตอบที่ถูกต้อง เขาเลยประสานมาที่เขตว่าให้ช่วยตรวจสอบหน่อยว่าข้อสอบข้อนี้ ไม่มีคำตอบที่ถูกต้องนะ ที่ถามดู ประมาณ 2-3 ข้อ จาก 100 ข้อ พอมีคนร้อง ทางเขตก็ตั้งกรรมการมาตรวจสอบทั้งหมดเลย ทุกคน 3 วัน

ในส่วนของเรื่อง “รื้อข้อสอบ” ตรงนี้ไม่ได้รื้อข้อสอบ แต่หมายถึง รองคณะกรรมการเขาก็มาตั้งกันดูว่าเอ๊ะคนนี้ร้องมา คนนี้ก็ร้องมา ไม่มีผู้ร้องที่ยื่นเอกสาร เพราะขึ้นโพสต์ขึ้นเฟซต่าง ๆ เขาก็สอบถามดู โดยหลักการถ้าคิดว่าข้อสอบจะผิดตามที่เขาบอก ก็สามารถตรวจสอบได้ทันทีก่อนที่จะดำเนินการต่อไป เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายร้ายแรงในภายหลัง ส่วนที่ว่าก่อนหน้านี้มีคนมาร้องหรือไม่ พบว่ามีบ่อย ส่วนใหญ่เป็นคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เขาบอกชื่อสอบวิชานี้ ลำดับนี้ เพราะสอบ 5 เอกวิชา ถ้าเราตรวจสอบแล้วไม่ผิดก็ไม่เป็นอะไร สามารถตรวจสอบดูได้ว่าขั้นตอนกระบวนการถูกต้องมั้ย ซึ่งใครโทรไปก็ได้ ให้ความเป็นธรรม

ส่วนที่ว่า “ชื่อใหม่” ที่เข้ามาเสียบเป็นลูกหลานผอ.ท่านนึง ดร.พัฒนะ กล่าวว่า “…ยังไม่ได้ตรวจสอบ แต่ก็ตรวจสอบได้ไม่ยาก…” ต่อข้อถามที่ว่า “…การสอบข้าราชการครู หน่วยงานกลางจะเข้ามาดูแลทั้งหมด เป็นองค์กรใหญ่ แต่มุมการสอบพนักงานราชการ สพฐ.จะตั้งขึ้นมาและตรวจเช็กทุกสิ่งทุกอย่างจบในสพฐ.ในเขตพื้นที่นั้นๆ เลยกลายเป็นช่องโหว่หรือเปล่า ถ้าปิดจบในสพฐ.เอง แล้วใครจะตรวจสอบได้ ในเมื่อคุณใหญ่สุดในนั้น?…”

ดร.พัฒนะ กล่าวว่า ก็มีส่วนกลาง อย่างที่มีปัญหาตอนนี้ สพฐ.เองก็ตั้งกรรมการตรวจสอบ สพม. สระแก้วตั้งแต่วันที่ 13 ไปสืบข้อเท็จจริง ขณะเดียวกันทางปปช.จังหวัดเขาก็ลงไปตรวจสอบข้อมูลเช่นเดียวกัน

ด้าน น้าเหมียว กล่าวว่า วันศุกร์ที่ 13 ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมสระแก้ว ท่านก็เข้าไปพร้อมผอ.โรงเรียนในเขตพื้นที่ ซึ่งท่านเป็นผอ.เก่าที่โรงเรียน ก็ให้ไปช่วยเกลี้ยกล่อมหลาน ให้มาเป็นครูอัตราจ้างที่โรงเรียนที่หลานเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนนั้น บอกว่าท่านจะให้เป็นครูอัตราจ้าง เงินเดือน 15,800 สัญญาจ้างปกติเลย 6 เดือนต่อครั้งนึง แต่เงินน่าจะใช้เงินโรงเรียนจ้าง ซึ่งน้าคิดว่าตอนนี้บุคลากรวิทยาศาสตร์ของโรงเรียนเต็มทุกอัตราเลยไม่สามารถจ้างได้ เราก็เอ๊ะ ท่านจะจ้างยังไง เพราะการเป็นครูอัตราจ้าง ต้องมาจากเขตพื้นที่ นี่อยู่ดีๆ จะจ้างน้องเลย แล้วให้น้องมาวันจันทร์ทำงานเลย เราก็เอ๊ะ แต่ก็ค่ะๆ ไว้ก่อน เพราะท่านคือนาย แล้วท่านไปหาที่โรงเรียน เราก็น้อมรับข้อเสนอไว้ก่อนแล้วบอกว่าเดี๋ยวให้น้องเป็นผู้ตัดสินใจ เพราะน้องเป็นผู้เสียหาย น้าไม่ได้เป็นผู้เสียหาย เป็นตัวแทนไปรับฟังข้อเสนอตรงนี้ค่ะ

หนุ่มกรรชัยกล่าวว่า ล่าสุดมีประเด็นเกิดขึ้นอีก เขาบอกว่าให้เปิดข้อสอบเลยมั้ย ไปตรวจสอบกันเลย ว่าของน้องไม่ถึง สังคมบอกเปิดแล้วยังไง ฝนด้วยดินสอ แก้ได้ เขียนใหม่ได้ ใครจะไปรู้? น้องเบญ กล่าวว่า ใช่ค่ะ ขณะที่ ดร.พัฒนะ กล่าวว่า ตอนนี้ตั้งคณะกรรมการสอบกันตั้งแต่วันเสาร์ เนื่องจากผู้ออกข้อสอบ เกี่ยวข้อง ประมาณ 50 คน ถ้ามีการเปิดข้อสอบน้องจริง เห็นว่าจะโดน pdpa น้องพร้อมมั้ย ทำให้น้องเบญ กล่าวว่า “…พร้อมค่ะหนูจำได้ว่ากาอะไรไปบ้าง ถ้าเป็นอย่างที่เขาพูด หนูรับได้ค่ะ แต่ให้พิสูจน์ข้อเท็จจริงออกมา…”

จากนั้น ทางรายการได้มีการพูดคุยถึงประเด็นการตรวจข้อสอบก่อนจะโฟนอินหา “นายประยงค์ สารภูมิ” ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสระแก้ว ซึ่งได้อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นว่าเกี่ยวกับชื่อของ น้องเบญ ที่หายไปว่า เป็นความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ที่ทำประกาศผิดพลาด หลังจากตรวจข้อสอบใหม่เพราะมีคนร้องเรียนมา ก็พบว่า “…น้องเบญมีคะแนนไม่ผ่านตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว ส่วน น้องปิยะ เขาได้คะแนนที่หนึ่งมาตั้งแต่ที่ตรวจกระดาษคำตอบประมวลผลครั้งแรกแล้ว…”

ทนายรณณรงค์ ได้ตั้งข้อสังเกตุว่า “…กระดาษคำตอบมีการเซ็นชื่อกำกับของผู้เข้าสอบแต่ละคนไว้ มันจะสลับกันได้ยังไง” นายประยงค์ ให้คำตอบว่า กระดาษคำตอบเราไม่ได้ไปแตะเลย แต่เราพูดในเรื่องเวลาประมวลผล แล้วสรุป ตรงนี้กำหนดได้ว่าผู้ต้องผ่านการคัดเลือกต้องมีคะแนนเฉลี่ยในแต่ละภาคไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 ภาค ข.ผ่าน ก็ไปดูภาค ค . สัมภาษณ์ผ่านมั้ย เราถึงมารวมคะแนนในส่วนของคนที่ผ่าน จัดเรียงลำดับในแต่ละวิชาเอกต่อไป นี้คือกระบวนการที่เราได้ดำเนินการ พอจัดคะแนนที่ประมวลผล คณะกรรมการประมวลผล ประมวลผลรวมทั้งคนที่ผ่านและไม่ผ่านอยู่ในบัญชีเดียวกัน ทำให้ส่วนเจ้าหน้าที่เอารายชื่อมาประกาศ ไปหยิบรายชื่อคนไม่ผ่าน ที่อยู่ใกล้เคียง ทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนได้

สำหรับประเด็นที่ว่า ตอนนี้จะทำยังไงกับ “น้องเบญ?”

นายประยงค์ กล่าวว่า วันนั้นผมก็ไม่ได้นิ่งดูดาย ตอนเช้าปปช.สระแก้ว ลงพื้นที่สืบสวนข้อเท็จจริง ผมอยู่ให้ข้อมูล พร้อมหลักฐานทุกอย่าง พร้อมกระดาษคำตอบผู้สอบผ่านทั้งหมดให้คณะกรรมการปปช.ไปตรวจสอบทั้งหมดแล้ว ก็ถือว่าได้เข้าสู่กระบวนการในการตรวจสอบ ทั้งนี้ ยืนยันว่า ไม่มีใครแก้กระดาษคำตอบได้แน่นอน หนุ่มกรรชัย จึงถามในประเด็นที่ว่า “…ใครเป็นคนตรวจข้อสอบ ใครเป็นคนดูแล และอำนาจหน้าที่…” ซึ่งก็ได้รับคำตอบว่า “…เขตพื้นที่การศึกษาสระแก้ว…”

นายประยงค์ ยังได้กล่าวขอโทษ น้องเบญ โดยอ้างว่าได้พยายามติดต่อไปแล้ว อยากทำความเข้าใจ เพราะเป็นความบกพร่อง ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาของเราจริงๆ เราอาจตรวจสอบคัดกรองแต่อาจเกิดข้อผิดพลาด อย่างที่เราได้ประกาศคลาดเคลื่อนไป ส่วนโรงเรียนแนวทางในการดูแลเยียวยา ยังไงก็แล้วแต่ สังคมทุกวันนี้เขาเห็นอกเห็นใจน้องทั้งหมด เราเชื่อมั่นว่าโรงเรียนต้องช่วยกันระดมทุนเพื่อส่งเสริมพัฒนาความเป็นเลิศด้านวิทยาศาสตร์ น้องเบญ ก็เป็นบุคลากรที่มีคุณภาพ แม้การสอบครั้งนี้ไม่ใช่เครื่องมือชี้วัดว่าน้องเก่งหรือไม่เก่ง ผอ.จะไม่พูดถึงเรื่องคะแนน แต่เชื่อมั่นในศักยภาพ ความรู้ และประสบการณ์น้อง ส่วนของโรงเรียนได้ไปทำความเข้าใจ จะมีส่วนที่ต้องได้ไปส่งเสริม สนับสนุน ระดมทุน เพื่อพัฒนาเรื่องศักยภาพผู้เรียนวิทยาศาสตร์สู่ความเป็นเลิศ

ทนายรณณรงค์ ระบุว่า “….ตกลงผมต้องบริจาคเงินให้น้องเป็นค่าเงินเดือนครูเบญ ใช่มั้ย?…” นายประยงค์ กล่าวว่า ไม่ใช่ลักษณะบริจาคโดยตรงทั้งหมด เราไปพัฒนาผู้เรียน สื่อการเรียนการสอน พัฒนาการเสริมสร้างโอกาสให้เด็กนักเรียน ทำให้ ดร.พัฒนะ ถึงกับทนไม่ไหว กล่าวตัดบทว่า “…ประยงค์ตอบให้ตรงคำถาม ไม่ต้องพูดยาว เรื่องระดมทุนพอแล้ว…”

ในช่วงท้ายรายการ ทนายรณณรงค์ กล่าวว่า ตกลงสพฐ.จังหวัด สามารถชี้นำให้ใครคนใดคนหนึ่งเป็นอัตราจ้างโดยไม่ต้องสอบแข่งขันได้หรือเปล่า ถ้าไม่ได้ทำไมเสนออันนี้มาให้น้อง ทั้งที่ทำไม่ถูกต้อง คนสอบไม่ได้เขาก็ต้องตั้งคำถาม ยิ่งตอบแบบนี้ ไม่ตอบเลยดีกว่า ฟังไม่รู้เรื่อง ทำให้หนุ่มกรรชัย ถามคำถามกับทาง ดร.พัฒนะ ว่า “…ท่านฟังแล้วรู้สึกยังไง ท่านฟังแล้วส่ายหน้าตลอด?…”

ดร.พัฒนะ กล่าวว่า อย่างที่นำเรียน ว่าจะมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงทุกอย่าง ถ้าเป็นการดำเนินการที่ผิดพลาด โดยจงใจหรือเจตนาของผอ.เขต คณะกรรมการ เราก็จะลงโทษ และเยียวยาน้องด้วยแต่ถ้าตรวจสอบแล้ว เป็นไปตามหลักเกณฑ์คะแนนจริง ๆ ก็ว่ากันไปตามนี้ ท่านอธิการสพฐ. ท่านก็ฝากมาว่าให้การตามนี้

ทนายรณณรงค์ ระบุว่า เฟสแรกถ้าน้องสอบไม่ผ่านแต่ชื่อประกาศแล้ว มีคนเซ็นปั๊มตราราชการแล้ว ยังไงก็ต้องเยียวยา แต่จะเยียวยายังไงไม่รู้ อีกเฟสถ้าผลสอบออกมาน้องได้อันดับหนึ่ง น้องก็ต้องได้กลับเข้าไปทำงาน ซึ่งไม่ว่าผลจะออกมาแบบไหน น้องก็ต้องได้รับการเยียวยา ดร.พัฒนะ กล่าวสั้น ๆว่า “…ใช่ครับ…”

จากนั้นทางรายการได้โฟนอินไปยัง “นายพิเชษฐ พิมพา” ผอ.ปปช.จังหวัดสระแก้ว ซึ่งเปิดเผยว่า ตอนนี้เราตรวจสอบแบบทดสอบแล้วก็กระดาษคำตอบของผู้ที่สอบได้จำนวน 11 ท่าน แต่กระบวนการตรวจสอบ ปปช.ก็ต้องตรวจสอบทั้ง 98 คนที่มาสอบ เนื่องจากข้อเท็จจริงเรื่องนี้ มีการประกาศในรอบที่สอง มีผู้สอบผ่านเพิ่มขึ้น

เมื่อหนุ่มกรรชัยถามว่า ถ้ามีการลบขีดใหม่หรือทำเพิ่ม ปปช.ตรวจสอบได้มั้ย? นายพิเชษฐ กล่าวว่า เราคงต้องเช็กเป็นรายผู้สอบทุกคนที่สอบผ่านแล้ว มีการแก้ไข ตรงนี้เราได้เอกสารเป็นสำเนามา เรื่องขั้นตอนต้องดูเอกสารตัวจริงเป็นหลัก

ขณะที่ ทนายรณณรงค์ ได้แนะให้อายัดกล้องวงจรปิดห้องเก็บเอกสารไว้ก่อน ปรากฏว่า ไม่พบว่ามีกล้องวงจรปิดในห้องเก็บเอกสารแต่อย่างใด ทนายรณณรงค์ จึงตั้งข้อสังเกตว่า ถ้าแบบนี้หากมีการแก้ไขคำตอบ ก็จะไม่มีใครรู้ ตรงนี้ นายพิเชษฐ กล่าวเพียงว่า เราดูกล่องเอกสาร มีการตรวจสอบอย่างละเอียดครับ