เมื่อวันที่ 16 ก.ย. ที่รัฐสภา นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะประธาน สส.พรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงผลการเลือกตั้งซ่อม สส.พิษณุโลก ที่พรรคเพื่อไทยได้รับชัยชนะว่า ต้องกราบขอบคุณพี่น้องชาวพิษณุโลก ที่เลือก สส.พรรคเพื่อไทย เข้ามาอีก 1 เสียง ซึ่ง 1 เสียง ก็ถือว่ามีความหมาย เพราะมาเติมเสียงของรัฐบาลให้มากขึ้น และเชื่อมั่นว่าพี่น้องชาวพิษณุโลกทำถูกต้อง ที่เลือกพวกเราให้ไปดูแล

“เท่าที่จำได้ เกือบจะ 20 ปีที่ไม่ได้เป็นรัฐบาล ตอนนี้ชาวบ้านคิดได้ว่า อยากให้พิษณุโลกพัฒนาก้าวหน้า จึงเลือกพวกเรา ทำให้ขณะนี้จังหวัดพิษณุโลก มี สส. จากพรรคเพื่อไทย 3 คน ก็ดีขึ้น จะได้ช่วยผนึกกำลังกันทำงานเพื่อชาวพิษณุโลก” นายวิสุทธิ์ กล่าว

เมื่อถามว่าผลการเลือกตั้งที่พรรคเพื่อไทยได้รับชัยชนะเป็นการสะท้อนอะไรบ้าง นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า สะท้อนหลายอย่าง คือชาวบ้านเข้าใจพวกเรามากขึ้น อาจจะให้กำลังใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และอีกหลายเรื่องก็คงเห็นว่ารัฐบาลทำงานอย่างจริงจัง เข้าถึงพี่น้องประชาชน และประชาชนได้ประโยชน์จากรัฐบาลพรรค เราก็เลยให้พลังเสียงที่ออกมาชนะขาดลอย ก็ต้องกราบขอบคุณจริงๆ

ต่อข้อถามว่า ยังมีเสียงโหวตโนอีก 7,000 กว่าคะแนน ซึ่งเป็นเสียงสำคัญ สะท้อนว่าคนเบื่อรัฐบาลและฝ่ายค้าน นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า เสียงที่พรรคเพื่อไทย ได้รับ 3 หมื่นกว่าคะแนน ไม่ถือว่าเป็นการเบื่อรัฐบาล แต่ที่คนไม่ลงคะแนนให้ อาจจะไม่รู้จักผู้สมัคร เพราะเราย้ายผู้สมัครจากเขต 3 มาลงเขต 1 หรือบางเรื่องบางอย่างอาจจะยังไม่เข้าใจ แต่เชื่อว่าต่อไปเมื่อมีผู้แทนฯ ที่นี่แล้ว คนที่ไม่ใช้สิทธิลงคะแนน จะได้ลง แล้วจะมาเลือกเรามากขึ้น เพราะจะได้สื่อถึงพี่น้องชาวพิษณุโลกโดยตรง

เมื่อถามว่าคำพูดที่ว่าการชนะเลือกตั้งยากแล้ว แต่การรักษาเก้าอี้ยากกว่า พรรคเพื่อไทยมั่นใจได้อย่างไรว่าจะรักษาเก้าอี้ไว้ได้ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ตอนนี้พรรคเพื่อไทยพร้อมทุกสนาม ไม่ใช่เฉพาะที่ จ.พิษณุโลก มีเลือกตั้งที่ไหน หรือมีเลือกตั้งซ่อมที่ไหน พรรคเพื่อไทยพร้อมไปได้ทันที ซึ่งยิ่งสร้างความมั่นใจ มั่นคงให้กับพี่น้องประชาชน และ สส. ในพรรคก็มีกำลังใจขึ้นเยอะมาก

ส่วนที่พรรคประชาชนมองว่าเป็นเกมระยะยาว และยังต้องต่อสู้กับ “ชนชั้นนำ” ด้วย นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า พวกเราไม่ใช่ชนชั้นนำ แต่เป็นพวกอาสาประชาชนมาทำการเมือง คุณจะสู้กับพวกชนชั้นนำไหน ตนไม่ทราบ ไม่อยากไปวิจารณ์คำพูดนี้.