เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อ่านคำแถลงนโยบายรัฐบาลต่อที่ประชุมรัฐสภา ก็ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของประเทศที่กำลังประสบอย่างหนักหน่วงขณะนี้ คือปัญหาอุทกภัย ที่ในปีนี้ในแถบพื้นที่ภาคเหนือ และภาคอีสาน จะได้รับผลกระทบเป็นอย่างหนัก เกิดความเสียหายกับบ้านเรือน และประชาชนเป็นจำนวนมาก

โดยทันทีที่นายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภาในวันที่ 12 ก.ย. ก็ได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชุมเพื่อถกการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม จะได้ออกคำสั่ง ในการช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ประชาชน อาทิ การอพยพประชาชนและสัตว์เลี้ยง สนับสนุนอาหารและเครื่องดื่มรวมถึงอาหารสัตว์ การดูแลความเป็นอยู่ของศูนย์อพยพ ดูแลเรื่องยารักษาโรค การเร่งตรวจสอบ และปรับปรุงระบบระบายน้ำ ให้เสริมความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น การตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย การเพิ่มระบบการแจ้งเตือนภัยในพื้นที่เสี่ยงภัยสูง การดูแลรักษาบ้านเรือนของประชาชน รวมถึงความปลอดภัยทางทรัพย์สิน พิจารณาแนวทางการแก้ปัญหาน้ำในระยะยาว และการดึงงบกลางเข้ามาดูแลประชาชนตั้งแต่การเข้าช่วยเหลือจนถึงขั้นตอนการเยียวยา นายกรัฐมนตรีขอให้ทุกฝ่ายรักษาชีวิตประชาชนเป็นหลักและออกจากพื้นที่น้ำท่วมให้เร็วที่สุด

จากนั้นในวันที่ 13 ก.ย. นายกรัฐมนตรีได้เดินทางลงพื้นที่ประสบอุทกภัยที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งจากการลงพื้นที่ทำให้นายกรัฐมนตรีเห็นปัญหาที่ชัดเจนมากขึ้น จึงได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินหน้าแก้ปัญหาต่อสถานการณ์อุทกภัยเพิ่มมากขึ้น โดยนายกรัฐมนตรี สั่งการให้มีการเร่งเจรจากับประเทศเมียนมา ในการขยายพื้นที่รับน้ำระหว่าง 2 ประเทศ หามาตรการในการพิสูจน์สัญชาติแก่ผู้ประสบภัยให้ได้รับเงินเยียวยาอย่างทั่วถึง การซ่อมแซมสะพานที่ขาดเพื่อที่จะให้เกิดความสะดวกในการสัญจรของประชาชน ควบคุมราคาสินค้าที่จำเป็นเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน หามาตรการที่เร่งด่วนเพื่อเตือนภัยแก่ประชาชนและระบบ SMS alert ทั้งนี้ให้ทุกภาคส่วนช่วยกันทำความสะอาดบ้านเรือนและถนน รวมถึงการซ่อมแซมบ้านเรือนที่เสียหาย โดยในครั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้ให้ใช้แอปพลิเคชันทางรัฐลงทะเบียนรับสิทธิเยียวยาของพี่น้องประชาชนเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเดินทางไปยังสถานที่ราชการและเกิดความสะดวกรวดเร็วและเชื่อว่าจะถึงมือประชาชนอย่างแน่นอน

โดยนายกรัฐมนตรียังสั่งให้หน่วยงานต่างๆ เฝ้าระวังและรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างใกล้ชิด และรายงานต่อนายกรัฐมนตรีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเรื่องการประเมินสถานการณ์ ที่จะต้องให้เกิดขึ้นอย่างทันท่วงที

ล่าสุดนายกรัฐมนตรี สั่งให้จัดประชุมเร่งด่วน ในวันที่ 16 ก.ย. เพื่อเตรียมจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) คณะกรรมการอำนวยการและบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม และจัดตั้งศูนย์สนับสนุนการอำนวยการและบริหารสถานการณ์ เพื่อให้ทุกภาคส่วนบูรณาการเข้ามาบริหารจัดการวิกฤติอุทกภัยครั้งนี้อย่างคล่องตัวรวดเร็วมากขึ้น

อย่างไรก็ตามก็ยังคงมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ออกมา ว่าการเดินหน้าแก้ไขปัญหาของรัฐบาล ยังเกิดความล่าช้าจนทำให้มีผู้ได้รับผลกระทบและบ้านเรือนก็ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก

เห็นได้ชัดว่า ภายหลังจากแถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภาแล้วเสร็จ นายกรัฐมนตรีก็ได้เดินหน้าทำงานอย่างเต็มกำลัง ในการสั่งการ ให้หน่วยงานต่างๆ ดำเนินการช่วยเหลือประชาชนที่กำลังประสบปัญหาอุทกภัย และต้องรอติดตามว่าภายหลังจากการจัดตั้ง ศปภ. แล้วนายกรัฐมนตรีจะมีข้อสั่งการอะไรออกมาเพิ่มอีก