สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 15 ก.ย.ว่าสภาการเดินเรือแห่งชาติของฟิลิปปินส์ออกแถลงการณ์ ยืนยันการถอนเรือตรวจการณ์ “บีอาร์พี เทเรซา มักบานัว” ออกจากการประจำการบริเวณแนวปะการังซาบินา ในทะเลจีนใต้ หลังประจำการมานานกว่า 5 เดือน พร้อมทั้งระบุเหตุผลของการถอนเรือออกจากบริเวณดังกล่าวว่า “เสร็จสิ้นภารกิจแล้ว”


นอกจากนี้ ลูกเรือบนเรือลำดังกล่าวจำเป็นต้องเข้ารับการตรวจทางการแพทย์ และเรือต้องเข้าสู่กระบวนการซ่อมบำรุงตามกำหนดการด้วย อย่างไรก็ตาม เรือของเจ้าหน้าที่ยามฝั่งจีนขัดขวางภารกิจของฟิลิปปินส์ ในการส่งเสบียงให้กับลูกเรือเทเรซา มักบานัว เมื่อเดือนส.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งแน่นอนว่า ส่งผลให้เสบียงร่อยหรอ และอาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่ง ทำให้ฟิลิปปินส์ตัดสินใจให้เรือเดินทางกลับมาก่อน


ขณะที่สำนักงานยามฝั่งจีนออกแถลงการณ์เกี่ยวกับความเคลื่อนไหวดังกล่าวของฟิลิปปินส์ ว่าบ่งชี้ “การมีอำนาจอธิปไตยที่ไม่อาจโต้เถียงได้” ของจีน เหนือแนวปะการังเซียนบิน ซึ่งเป็นชื่อภาษาจีนของแนวปะการังซาบินา และน่านน้ำทั้งหมดที่อยู่โดยรอบ


แถลงการณ์ของฝ่ายจีนระบุด้วยว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ฟิลิปปินส์เป็นฝ่ายล่วงละเมิดอธิปไตยของจีนในบริเวณนี้ การดำเนินการของฟิลิปปินส์บ่อนทำลายเสถียรภาพ และความมั่นคงของทะเลจีนใต้ “อย่างร้ายแรง” และจีนขอเตือนฟิลิปปินส์อีกครั้ง ให้ยุติการโฆษณชวนเชื่อเพื่อให้ประเทศอื่นสนับสนุนตัวเองในเรื่องนี้ และหันมาเจรจากับจีนตามแนวทางปฏิบัติระหว่างประเทศ “เพื่อพบกันครึ่งทาง”


สถานการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ทำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องนึกย้อนไปถึงกรณีพิพาทเมื่อปี 2555 ซึ่งฟิลิปปินส์เป็นฝ่ายยอมถอย นำเรือออกจากแนวสันดอนสการ์โบโรห์ ในทะเลจีนใต้ หลังเผชิญหน้าและปะทะกับเรือของจีนมานานถึง 2 เดือน หลังจากนั้น จีนเข้ายึดครองแนวสันดอนแห่งนี้ทันที


อนึ่ง แนวสันดอนสการ์โบโรห์ อยู่ห่างจากเกาะลูซอน ซึ่งอยู่เหนือสุดของฟิลิปปินส์ ประมาณ 240 กิโลเมตร แต่อยู่ห่างจากมณฑลไห่หนาน หรือเกาะไหหลำ ทางใต้สุดของจีน ไกลถึง 900 กิโลเมตร.

เครดิตภาพ : AFP