สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ว่า รัฐบาลผสมของเนเธอร์แลนด์ ต้องการประกาศ “วิกฤติการลี้ภัย” เพื่อควบคุมการหลั่งไหลเข้าของผู้อพยพ ผ่านกฎระเบียบที่เข้มงวด ซึ่งรวมถึงการควบคุมชายแดน

“เราไม่สามารถทนต่อการหลั่งไหลเข้าของผู้อพยพจำนวนมากได้อีกต่อไป และประชาชนกำลังประสบกับวิกฤติการลี้ภัย นั่นจึงเป็นสาเหตุที่เราจะนำมาตรการฉุกเฉินมาใช้ในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งประกอบด้วยขั้นตอนต่าง ๆ ที่ทำให้การย้ายถิ่นฐานและการขอสถานะผู้ลี้ภัย เข้มงวดยิ่งขึ้น” ชูฟ กล่าวในการแถลงข่าวที่กรุงเฮก

ทั้งนี้ รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ชุดใหม่ ซึ่งสาบานตนเข้ารับตำแหน่งเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา หลังการเลือกตั้งในเดือน พ.ย. ปีที่แล้ว ให้คำมั่นว่าจะดำเนินการอย่างจริงจัง ในการยับยั้งผู้ขอลี้ภัยและผู้อพยพผิดกฎหมาย ไม่ให้เดินทางเข้าเนเธอร์แลนด์

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายหลายคน หรือแม้แต่นายเคียร์ต วิลเดอร์ส หัวหน้าพรรคเสรีภาพ (พีวีวี) ซึ่งเป็นพรรคการเมืองขวาจัด ยอมรับว่า การถอนตัวจากระบบการลี้ภัยของอียู อาจต้องใช้เวลานานหลายปี

แม้เดนมาร์กเจรจาข้อตกลง เพื่อแยกตัวจากภาระผูกพันตามนโยบายการลี้ภัยร่วมกันของอียู ซึ่งรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ชุดใหม่ ต้องการดำเนินการในลักษณะเดียวกัน แต่ผู้สันทัดกรณีด้านการอพยพของเนเธอร์แลนด์ กล่าวว่า การขอให้อียูเห็นชอบกับการถอนตัวออกจากนโยบายการลี้ภัยข้างต้น เป็นเรื่องยาก

“การถอนตัวของเนเธอร์แลนด์ สามารถทำได้ด้วยการแก้ไขสนธิสัญญาเท่านั้น” สภาที่ปรึกษาว่าด้วยการย้ายถิ่นฐานของเนเธอร์แลนด์ ระบุ พร้อมกับชี้ว่า ประเทศสมาชิกอียูทั้ง 27 ประเทศ ต้องเห็นพ้องอย่างเป็นเอกฉันท์ต่อการดำเนินการดังกล่าว.

เครดิตภาพ : AFP