สถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง ในขณะนี้คงหนีไม่พ้น สถานการณ์น้ำท่วม ที่ ดูเหมือนจะรุนแรงเพิ่มมากขึ้น และยังไม่มีทีท่าว่าจะ เบาลงเลย ทั้งนี้รัฐบาล ก็เดินหน้า ให้ความช่วยเหลือ กับประชาชนในพื้นที่ที่ประสบปัญหาอุทกภัย แต่เห็นได้ชัดว่า การเข้าช่วยเหลือของรัฐบาลดูเหมือนจะยังไม่ครอบคลุมได้ทั้งหมด  เนื่องจากขณะนี้ ยังมีประชาชนติดอยู่ในพื้นที่และไม่สามารถออกมาจากพื้นที่น้ำท่วมได้

ซึ่ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็ได้ทำการประชุมเร่งด่วนถึงสถานการณ์น้ำท่วม ทันทีที่อ่านคำแถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภาแล้วเสร็จ  อีกทั้งยังลงพื้นที่เพื่อไปให้ความช่วยเหลือและสร้างขวัญกำลังใจให้กับประชาชน ที่จังหวัดเชียงราย อีกทั้งยังมีข้อสั่งการที่ชัดเจนออกมา โดยสั่งให้กองทัพเข้ามาดูแล ให้ความช่วยเหลือกับประชาชน นำอาหารเข้าไปแจกจ่าย ในพื้นที่ที่เข้าถึงได้ยาก จัดกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร และยุทโธปกรณ์ เข้าไปยังพื้นที่เป้าหมายเพื่อสามารถช่วยเหลือประชาชนให้ตรงจุด และในส่วนของเรื่องเงินเยียวยา ก็จะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันที่ 17 ก.ย.ที่จะถึงนี้ นอกจากนี้ยังจะมีการพูดคุยกับทางการเมียนมา เรื่องการแก้ไขการบุกรุกทางน้ำ ที่อาจจะเป็นต้นตอ ที่อาจจะทำให้เกิดน้ำท่วม

ดูเหมือนว่า บททดสอบครั้งนี้ของรัฐบาล จะมี ความเป็นอยู่และชีวิตของประชาชนรเดิมพันถึงกระนั้นกลไกภาครัฐกลับดูเหมือนล่าช้า และทำงานไม่เต็มที่ จนภาคประชาสังคมคนธรรมดาต้องช่วยเหลือกันเอง อีกทั้งยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ออกมาว่า การเดินหน้าให้ความช่วยเหลือของรัฐบาลในครั้งนี้ ยังคงมีความล่าช้าอยู่ ซึ่งนั่นอาจเป็นเพราะ รัฐบาลต้องรอให้มีการ แถลงนโยบายต่อรัฐสภาก่อน ถึงจะสามารถเดินหน้าทำหน้าที่ได้เต็มกำลัง เนื่องจากกลัวว่า หากมีการสั่งการก่อนที่จะแถลงนโยบายนั้น จะสามารถทำได้หรือไม่ เพราะขณะนี้ มีนักร้องทางการเมืองมากมาย ที่คอยจ้อง จะจับผิดการทำงานของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลอยู่ ตลอดเวลา ซึ่งดูเหมือนว่า รัฐบาล กังวลใจเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย

ทั้งนี้รัฐบาลจะต้องเร่งเดินหน้าแก้ไข ปัญหาและ เดินหน้า นโยบาย ที่ได้หาเสียงไว้ ให้เกิดขึ้นเป็นรูปปีคระธรรม โดยเร็วที่สุดไม่เช่นนั้นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะเป็นจากปัญหาอุทกภัย หรือ ปัญหาค่าครองชีพ ประชาชน ที่รอความหวังว่า รัฐบาล จะสามารถ ทำชีวิตของประชาชน ให้ดีขึ้นได้ ตามที่นายกรัฐมนตรี กล่าวไว้ว่า ประชาชน จะต้อง มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี

แต่หากรัฐบาลยังคงดำเนินงานต่างๆได้ล่าช้าอยู่ เชื่อได้เลยว่า คะแนนกว่า 10 ล้านเสียง ที่ประชาชน ลงคะแนนให้พรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำรัฐบาลนั้น ก็จะลดน้อยลง และถึงแม้ว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะออกโรงวางเส้นทาง การดำเนินงานให้กับ น.ส.แพทองธารไว้ ก็อาจจะไม่สามารถ เรียกคะแนนเสียงที่วางเป้าหมายว่าพรรคเพื่อไทยจะกลับมาเป็นพรรคที่มีคะแนนเสียงในสภาเป็นอันดับ 1 ได้

ดูเหมือนวิกฤตของรัฐบาล จะเกิดขึ้น ตั้งแต่ก่อน ที่จะเข้ามาบริหารงานได้เต็มรูปแบบเสียอีก ดังนั้นนี่คือแบบทดสอบสำคัญ ที่เคียงคู่กันมาระหว่างรัฐบาลแพทองธาร กับกระแสน้ำ ที่ไหลเข้ามาท่วมบ้านเมือง ซึ่งรัฐบาลจะสามารถ แก้ไข บททดสอบนี้ได้หรือไม่ แล้วบททดสอบนี้ จะจบอย่างไร จะจมหายไปกับกระแสน้ำ หรือจะผ่านพ้นแล้วเดินหน้าทำงานต่อจนอยู่ครบเทอมได้ คงต้องอยู่ที่ฝีมือการทำงานของนายกรัฐตรีผู้นำรัฐบาล