ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อคิดจากค่าจีดีพี (ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ) อันมีประเทศจีนและประเทศเยอรมันนีที่มีขนาดเศรษฐกิจขนาดรองลงมาตามลำดับ และประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ยี่สิบเก้า ขนาดเศรษฐกิจของแต่ละประเทศต่างก็มีปัจจัยที่ส่งผลต่อตัวเลขขนาดเศรษฐกิจที่ทั้งเหมือนและต่างกันออกไป ส่วนในด้านของเศรษฐกิจของสหรัฐหนึ่งในปัจจัยที่ที่เกื้อหนุนกันละกันที่เด่นชัดมากคือตลาดหุ้น อาจดูเหมือนเพียงการเข้าเว็บเทรดของคนๆหนึ่งไม่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจภาพรวมใดใด ทว่ามันมีความเชื่อมโยงกันมากกว่าที่เราคิด

ด้วยความที่ดัชนีหุ้นหลักๆของสหรัฐเป็นดั่งตัวเลขบ่งชี้สภาพเศรษฐกิจเนื่องด้วยการคำนวณตัวเลขมูลค่าของดัชนีหุ้นหลักนั้นมาจากการนำมูลค่าของหลายๆบริษัทมาร่วมคำนวณด้วย นั่นหมายความว่าการซื้อขายหุ้นของคนธรรมดาจากช่องทางต่างๆทั้งผ่านโบรกเกอร์คนหรือบริษัทโบรเกอร์ หรือผ่านเว็บไซต์ย่อมส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างแน่นอน

เหตุการณ์ดัชนีหุ้นหลักของสหรัฐอเมริการ่วงตัวลงหลายตัวที่ผ่านมานั้นก็เป็นตัวแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนของความสัมพันธ์ระหว่างระบบเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกาและดัชนีหุ้นในประเทศ


เกิดอะไรขึ้นในโลกของดัชนีหุ้นสหรัฐ

วันที่ 6 กันยายน 67 ช่วงเย็นในประเทศไทยเกิดเหตุการณ์ดัชนีหุ้นหลักของสหรัฐอเมริกาอย่างดาวน์โจนส์ ตกลงไปกว่า 410 จุดเมื่อระยะเวลาอันสั้นที่ผ่านมา ดัชนีแนสแด็กตกลงไปคร่าวๆกว่า 400 จุด ดัชนีเอสแอนด์พีตกลงไป 94 จุด ซึ่งการดิ่งตกลงของดัชนีหุ้นต่างๆเกิดขึ้นหลังจากการประกาศจากกระทรวงแรงงานในเรื่องของตัวเลขการจ้างงาน


เหตุใดแค่ประกาศตัวเลขแล้วดัชนีหุ้นถึงตกลงได้มากเท่านี้

จากที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น ระบบเศรษฐกิจและดัชนีหุ้นเป็นสิ่งที่มีความเกี่ยวข้องและเชื่อมโยงกัน ในกรณีนี้ออกมาในรูปแบบของการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ไม่ตรงกับตัวเลขความเป็นจริงที่ทางการกระทรวงแรงงานได้ทำการประกาศไปเมื่อวันศุกร์ที่ 6 กันยายน เมื่อนักวิเคราะห์มีการคาดเดาตัวเลขการว่าจ้างงานที่ไม่ใช่การทำการเกษตร 165,000 งานและตัวเลขจริงคือ 142,000 งาน อัตราการว่างงานอยู่ที่ 4.2% ที่ต่างจากที่มีการวิเคราะห์ไว้ก่อนหน้าไปที่ 4.3%

เมื่อการวิเคราะห์และตัวเลขที่ถูกเปิดประกาศรายงานออกมาไม่เท่ากันส่งผลให้กับการวิเคราะห์ตัวเลขอื่นๆที่เกี่ยวข้องอย่างอัตราดอกเบี้ยนั้นอาจเปลี่ยนไปมากกว่าการคาดคะเนในตอนแรก เพื่อให้สอดคล้องกับอัตราว่างงานที่เกิดขึ้นจริงในประเทศ ธนาคารกลางจึงจะต้องปรับอัตราดอกเบี้ยให้ลดลง และนั่นก็จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมและระบบการเงินของประเทศโดยตรงอีกหลายต่ออย่างเป็นทอดๆ


เหตุการณ์นี้บ่งบอกอะไรแก่เรา

นอกจากความเชื่อมโยงกันของระบบเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกาแล้ว การวิเคราะห์ตัวเลขทางเศรษฐกิจและความไม่แน่นอนของระบบเศรษฐกิจเองนั้นก็ยังมีความแปรปรวนแล้วมีผลอย่างต่อเนื่องในการใช้ชีวิตในประเทศสหรัฐอเมริกาอีกด้วย หากมองในภาพรวมที่แคบกว่านั้นจะเห็นได้เลยว่าการอัตราการจ้างงานที่น้อยกว่าการคาดการณ์ส่งผลต่อการปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางที่ส่งผลต่อไปในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยแก่รายบุคคลซึ่งแน่นอนว่าต้องมีการกระทบต่อการใช้ชีวิตของผู้คนธรรมดาอย่างแน่นอน

ไม่เพียงแต่ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในการผิดหวังจากตัวเลขที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไปก่อนตัวเลขจริง ทว่าอีกบทเรีบนหนึ่งคือการเตรียมตัวก่อนการประกาศรายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจโดยใช้ตัวเลขจากนักวิเคราะห์มาเผื่อเหตุการณ์ไม่คาดฝันและสิ่งต่อไปที่อาจะเกิดขึ้น หากผู้บริโภคไม่ได้เผื่อความผันผวนของตลาดและเข้าซื้อดาวโจนส์ในช่วงขาขึ้นในช่วงแรก เขาต้องพบกับความจริงที่ไม่น่าภิรมย์ในปัจจุบันที่ดัชนีหุ้นนั้นเคลื่อนตัวดิ่งลงมากที่สุดตั้งแต่ปี 66 ในช่วงเดือนมีนาคม


อะไรควรจะเป็นก้าวถัดไปของนักลงทุน

สิ่งถัดไปที่ควรตั้งหน้าตั้งตารอผลตัวเลขค่าเงินเฟ้อในการรายงานครั้งถัดไป เนื่องด้วยการประกาศของกระทรวงแรงงานที่ผ่านมานั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งจากหลายสิ่งที่ช่วยประกอบในการตัดสินใจของธนาคารกลางในเรื่องของอัตราดอกเบี้ยและการตัดสินใจอื่นๆที่มีผลโดยตรงต่อระบบเศรษฐกิจของอมเริกาที่จะเกิดขึ้นในการประชุมการตัดสินใจในวันที่ 18 กันยายน 67

เงินเฟ้อของโลกเป็นอีกหน่วยวัดเศรษฐกิจโลกโดยอัตราที่สูงขึ้นหรือต่ำลงขึ้นอยู่กับอุปสงค์และอุปทานที่ไม่มีความสมดุลต่อกัน ซึ่งการปล่อยนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางแต่ละประเทศจะแตกต่างกันออกไปตามสภาพเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ ดังนั้นการรายงานอัตราเงินเฟ้อที่จะมีขึ้นต่อไปจึงเป็นที่หน้าจับตามองกันต่อไป