สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงเม็กซิโกซิตี ประเทศเม็กซิโก เมื่อวันที่ 11 ก.ย. ว่า แผนการปฏิรูประบบตุลาการ ซึ่งผู้สันทัดกรณีหลายคนกล่าวว่า จะทำให้เม็กซิโกเป็นประเทศเดียวในโลก ที่มีการเลือกตั้งผู้พิพากษาทุกคน จุดชนวนให้เกิดการประท้วงครั้งใหญ่, ความตึงเครียดทางการทูต และความวิตกกังวลของนักลงทุน

นายเจอราร์โด เฟอร์นันเดซ โนโรญา ประธานวุฒิสภาเม็กซิโก ประกาศพักการประชุม “อย่างไม่มีกำหนด” เนื่องจากกลุ่มผู้ประท้วงบุกเข้าอาคารวุฒิสภา ซึ่งในเวลาต่อมา เขาเรียกร้องให้มีการอภิปรายอีกครั้งในสถานที่อื่น เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังสมาชิกวุฒิสภาเริ่มหารือเกี่ยวกับข้อเสนอดังกล่าว

ทั้งนี้ โลเปซ โอบราดอร์ ต้องการให้ร่างกฎหมายผ่าน ก่อนที่เขาจะครบวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเม็กซิโก ในวันที่ 1 ต.ค. ที่จะถึงนี้ โดยให้เหตุผลว่า ศาลในปัจจุบัน ทำหน้าที่เพื่อผลประโยชน์ของชนชั้นนำทางการเมืองและเศรษฐกิจ อีกทั้งระบบตุลาการของเม็กซิโกยัง “เน่าเฟะ” ทุจริต และเต็มไปด้วยการเกื้อหนุนพรรคพวก

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย รวมถึงพนักงานศาล และนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ จัดการประท้วงต่อต้านแผนดังกล่าวหลายครั้ง ซึ่งภายใต้แผนการนี้ ผู้พิพากษาศาลฎีกา ผู้พิพากษาระดับสูง และผู้พิพากษาระดับท้องถิ่น จะได้รับเลือกตั้งจากคะแนนเสียงของประชาชน

ด้านนางนอร์มา ปิญา ประธานศาลฎีกาเม็กซิโก กล่าวว่า ผู้พิพากษาที่มาจากการเลือกตั้ง อาจเสี่ยงต่อการตกอยู่ภายใต้แรงกดดันจากอาชญากรมากขึ้น เนื่องจากแก๊งค้ายาเสพติดที่มีอิทธิพลในประเทศ มักใช้การติดสินบนและการข่มขู่ เพื่อโน้มน้าวเจ้าหน้าที่เป็นประจำ

ขณะที่นายเคน ซาลาซาร์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำเม็กซิโก กล่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่า การเปลี่ยนแปลงข้างต้นอาจก่อให้เกิด “ความเสี่ยงครั้งใหญ่” ต่อประชาธิปไตยของเม็กซิโก และทำให้อาชญากรสามารถแสวงหาประโยชน์จากผู้พิพากษาที่มีแรงจูงใจทางการเมือง แต่ไม่มีประสบการณ์ได้.

เครดิตภาพ : AFP