เมื่อวันที่ 10 ก.ย. ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีราชชื่อพรรคประชาชน ในฐานนะรักษาการวิปฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ถึงการแถงนโยบายของรัฐบาลในวันที่ 12-13 ก.ย. 2567 ว่า ทุกอย่างมีความเรียบร้อย ซึ่งจากที่ประชุมวิป 3 ฝ่าย เมื่อวันที่ 9 ก.ย. ได้มีการจัดสรรเวลา คือ ฝ่ายค้าน ได้ทั้งหมด 13 ชั่วโมง ซึ่งพรรคประชาชนได้จัดลำดับสำหรับผู้อภิปราย 30 คน ตอนนี้มีความลงตัว เรียบร้อยแล้ว

เมื่อถามว่าจะอภิปรายรายมติหรือตามประเด็นนั้น นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า จะเน้นไปในเรื่องไหนนั้น ตนคิดว่าส่วนใหญ่จะเป็นทั้งภาพรวมและไม่ได้เจาะจงให้ความสำคัญกับเรื่องใดเป็นพิเศษ ซึ่งในประเด็นต่าง ๆ ต้องการอภิปรายให้ครบถ้วนในส่วนของแต่ละนโยบายที่สำคัญ และลงรายละเอียดอย่างชัดเจน ส่วนเรื่องของการตั้งข้อสงสัยของฝ่ายค้านนั้น ย้ำว่าไม่ได้เน้นย้ำเรื่องใดเป็นพิเศษ และให้เวลาสำคัญกับทุกประเด็น ส่วนประเด็นไฮไลต์ต่าง ๆ มีบ้าง แต่ขออุบไว้ก่อน ขอสื่อมวลชนจับตาดูการแถลงนโยบาย และการอภิปรายของพรรคประชาชน

เมื่อถามว่าใน 10 นโยบายเร่งด่วน ทางฝ่ายค้านมีความคิดเห็นว่าอย่างไร นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า นโยบายก็เหมือนเดิม ส่วนตัวตนมองว่า 1 ปีที่ผ่านมา โจทย์ของประเทศอาจจะมีเปลี่ยนแปลงไปบ้าง จึงคิดว่าสิ่งที่สำคัญคืออยากจะตรวจการบ้านว่า 1 ปีที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ แม้จะเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีแต่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก ดังนั้นการตรวจสอบการการทำงาน 1 ปีที่ผ่านมา รวมถึงการตั้งคำถามอีก 3 ปีข้างหน้า จะสามารถทำตามนโยบายได้สำเร็จหรือไม่ เรื่องนี้เป็นประเด็นที่สำคัญ​ ส่วนหลังแถลงนโยบาย จะมีการกำหนดการไม่ไว้วางใจล่วงหน้าเลยหรือไม่ คงต้องรอหลังการอภิปรายนโยบายก่อน ซึ่งในสัปดาห์หน้า ทางรัฐสภาจะเสนอชื่อฝ่ายค้าน ดังนั้นต้องรอให้มีการแต่งตั้งผู้นำฝ่ายค้าน พูดคุยกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน และต้องรอความชัดเจนต่อไป

เมื่อถามต่อว่า พรรคพลังประชารัฐได้มีการเข้ามาติดต่อเพื่อมีส่วนร่วมในการอภิปรายหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ได้มีการประสานมาทางวิปฝ่ายค้าน และประสานไปยังวิปรัฐบาลและทั้ง 2 ฝ่าย มีความเห็นตรงกัน และจะตัดเวลาบางส่วนเพื่อให้พรรคพลังประชารัฐจัดสรรเวลาในพรรคเอง ซึ่งไม่ได้ให้เวลาฝั่งใดมากเป็นพิเศษ โดยเท่าที่พูดคุยให้เวลาฝ่ายละ 15 นาที ทั้งนี้ ไม่ว่าจะอภิปรายในเรื่องใด พรรคประชาชนไม่ขอไปก้าว

เมื่อถามอีกว่า พรรคพลังประชารัฐได้ประสานเรื่องเป็นพรรคฝ่ายค้านด้วยหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ต้องรอความชัดเจน หากพรรคพลังประชารัฐมาเป็นฝ่ายค้าน จะมาเป็นกี่คน ซึ่งแน่นอนว่า ต่อให้พรรคพลังประชารัฐ มี สส. 40 ที่นั่ง และจะขอโควตาตามจำนวน แต่สุดท้ายพอโหวตมาไม่ถึงครึ่ง ซึ่งไม่ยุติธรรม และตนคงไม่สามารถอธิบายให้พรรคร่วมฝ่ายค้านเข้าใจได้ ส่วนโควตากรรมาธิการฯ จะต้องมีการปรับเปลี่ยนในส่วนพรรคพลังประชารัฐ อีกครั้งหรือไม่นั้น โควตากรรมาธิการ เป็นโควตาของพรรคการเมืองอยู่แล้ว เทียบกับจำนวน สส. ที่ได้ที่นั่ง ไม่ได้เกี่ยวว่า อยู่ฝ่ายค้านหรือรัฐบาล