เมื่อวันที่ 9 ก.ย. เวลา 11.00 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.สาธารณสุข ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางการเรียกศรัทธาพรรคประชาธิปัตย์ให้กลับคืนมา หลังจากผลสำรวจของนิด้าโพล ที่พบว่าประชาชนในภาคใต้ส่วนใหญ่ประกาศจะไม่เลือกพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งครั้งหน้า สืบเนื่องจากการไปเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย ว่า ก่อนที่พรรคประชาธิปัตย์จะตัดสินใจเรื่องการเข้าร่วมรัฐบาล ตนได้ให้ สส. แต่ละคนไปทำการบ้านด้วยการสอบถามความคิดเห็นจากประชาชนและแฟนพันธุ์แท้ของพรรค ในแต่ละพื้นที่มาอย่างละเอียด ซึ่งตนเชื่อว่าเกิน 90 เปอร์เซ็นต์ เห็นด้วยกับการให้เข้าร่วมรัฐบาล แต่เสียงที่ดังมากในตอนนี้ คือเสียงจากคนที่ไม่อยู่ในพรรคประชาธิปัตย์แล้ว และคนที่ไม่เคยเลือกประชาธิปัตย์ ซึ่งคนเหล่านี้ออกมาแสดงความคิดเห็นโน้มน้าวให้คนรังเกียจพรรคประชาธิปัตย์

นายเดชอิศม์ กล่าวอีกว่า ไม่มี สส. คนไหนอยากสอบตก เขาอยากชนะการเลือกตั้ง เพราะฉะนั้น สิ่งที่ สส. ของพรรค ได้มาลงมติ เขาต้องคิดกันอย่างรอบคอบ แม้แต่ตนก็ถามประชาชน แต่จะถ้าให้ถามทุกคน ก็คงเป็นไปไม่ได้ โดยตนถามแกนนำของพรรค ในเขตเลือกตั้งของตน ทั้งนี้ ตนคิดว่า 100 เปอร์เซ็นต์ สนับสนุน และเมื่อมีโอกาสที่จะไปแก้ปัญหาให้ประชาชนได้ แล้วไม่เราไม่ใช้โอกาสนั้น ตนคิดว่านั่นคือการทรยศประชาชน

เมื่อถามว่าขณะนี้ยังมั่นใจอยู่หรือไม่ว่าสมาชิกพรรคจะยังเลือกพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป นายเดชอิศม์ กล่าวว่า เมื่อเรามีโอกาสได้ทำงาน ก็ต้องแสดงผลงานให้ประชาชนได้เห็นว่าเมื่อพรรคประชาธิปัตย์ได้มาบริหารประเทศแล้ว มีผลงานที่มีความแตกต่างและมีความโดดเด่น ตนเชื่อว่าเมื่อเอางานมาวัด แล้วประชาชนจะเข้าใจดี 

ต่อข้อถามว่าได้วางกรอบเวลาประเมินผลงานไว้อย่างไร นายเดชอิศม์ กล่าวว่า เราประเมินผลงานของตัวเองทุกเดือนอยู่แล้ว แต่สำหรับประชาชน อาจมีการประเมินทุก 3-6 เดือน แต่สำหรับตนไม่รู้สึกกดดัน เพราะถูกปรามาสไว้มาก ตั้งแต่สมัยที่ตนเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สงขลา ก็เคยถูกปรามาสไว้มาก แต่สุดท้าย นายก อบจ.สงขลา คนอื่นๆ ที่ไม่ใช่ตน ไปติดคุกหลายคน

เมื่อถามถึงกรณีที่นายสนธิญาณ สวัสดี ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ตรวจสอบจริยธรรมของนายเดชอิศม์ และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรค นายเดชอิศม์ กล่าวว่า ไม่รู้สึกกังวล เรารู้ตัวเองดีกว่าใคร ว่าเราผิดจรรยาบรรณตรงไหนบ้าง แต่ตนมั่นใจ 100 เปอร์เซ็นต์ ว่าตนไม่มีผิดจริยธรรม ขณะเดียวกัน ตนไม่รู้สึกบั่นทอนกำลังใจ แต่ยิ่งเป็นการเพิ่มพลังต่อสู้ให้กับประชาชนมากกว่าเดิม