“ไม่ว่าใครจะหายไปจากชีวิตเรา แต่สุดท้ายโลกก็ยังหมุนต่ออยู่ดี…หากชีวิตมนุษย์เรียบง่าย คงไม่เริ่มร้องไห้เมื่อลืมตาเพื่อมองโลก”

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่มีเหตุการณ์ไหนจะตกเป็นข่าวครึกโครมเท่ากับคดีที่นักศึกษาสาวถูกตำรวจที่ทำหน้าหน้าที่สิบเวร ที่รู้กฎหมายมากกว่าข่มขู่ให้ร่วมหลับนอนด้วย เพื่อแลกกับผลตรวจการเป่าปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกาย

เหตุการณ์อัปยศนี้เกิดขึ้นเมื่อ น.ส.เอ อายุ 22 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยชื่อดัง เข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เพราะถูกตำรวจยศ ส.ต.ต. สภ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เรียกเงิน 1 หมื่นบาท และบังคับให้มีเพศสัมพันธ์แลกกับการไม่ดำเนินคดีเมาขับ

โดยข่มขู่ว่าถ้าไม่ยอมทำตามจะต้องติดคุก และเสียค่าปรับ 2 หมื่นบาท แต่เมื่อยินยอมทำตาม ตำรวจนายดังกล่าวกลับยังไม่ยอมจบ และติดต่อมาแบล็กเมล์เพื่อจะให้ไปนอนด้วยอีก

เหตุเกิดคืนวันที่ 30 ส.ค. 67 ช่วงเวลาประมาณ 5 ทุ่มเศษ หลังจาก น.ส.เอ ดื่มกับเพื่อนและกำลังขับรถกลับบ้าน กำลังจะเลี้ยวซ้ายและได้ไปเฉี่ยวชนกับรถเก๋งอีกคันที่ย่านคลองสี่ อ.ธัญบุรี รถของ น.ส.เอ และคู่กรณีเสียหาย จึงได้เรียกประกันมาจัดการทั้งสองฝ่าย จากนั้น น.ส.เอ ได้เดินทางไปที่ สภ.ธัญบุรี ส่วนคู่กรณีไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล


ระหว่างอยู่ที่โรงพัก ตำรวจยศ ส.ต.ต. ทำหน้าที่สิบเวรได้เรียกเข้าไปในห้อง บอกให้เป่าแอลกอฮอล์ โดยสิบเวรเป่าให้ดูก่อน ปรากฏว่าขึ้นที่ 0 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ จากนั้นก็ให้ น.ส.เอ เป่า ปรากฏว่าขึ้นที่ 103 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เมื่อมีผลออกมา สิบเวรเห็นว่า น.ส.เอ กลัวจะถูกดำเนินคดี เลยเรียกไปคุยที่หน้าห้องน้ำด้านข้างอาคาร เพราะไม่มีกล้องวงจรปิด

จากนั้นก็บอกว่าจะให้เซ็นใบที่เป่าแอลกอฮอล์ไว้ทั้ง 2 ใบ แต่จะเอาใบที่เป็น 0 ให้กับประกัน เพื่อที่รถของ น.ส.เอ จะได้เคลมซ่อมด้วย แต่ต้องจ่ายให้สิบเวร 10,000 บาท ถ้าไม่รับข้อเสนอก็จะติดคุก และถูกปรับ 20,000 บาท ด้วยความกลัวว่าจะถูกดำเนินคดีจึงตกลงทำตาม

เมื่อเซ็นใบเป่าแอลกอฮอล์ทั้ง 2 ใบแล้ว สิบเวรก็ให้เขียนข้อมูลส่วนตัว ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ เบอรโทรฯ ติดต่อ และให้ น.ส.เอ นั่งแท็กซี่กลับไปก่อน ซึ่งกว่าจะเสร็จเรื่องช่วงนั้นก็เป็นเวลาตี 2 ของวันที่ 31 ส.ค. แล้ว วันนั้น น.ส.เอ ยื่นเงินให้ แต่สิบเวรยังไม่ได้รับ แล้วบอกว่าจะมาติดต่อมารับ น.ส.เอ ไปลงบันทึกประจำวันอีกที

ต่อมาวันที่ 1 ก.ย. 67 ช่วงบ่าย สิบเวร ได้ขับรถกระบะส่วนตัวมารับ น.ส.เอ ที่คอนโดฯ ย่านรังสิต ก่อนจะพามาลงบันทึกประจำที่ สภ.ธัญบุรี โดยระบุว่า กรณีรถเฉี่ยวชนเกิดจากความประมาทของ น.ส.เอ หลังเสร็จแล้ว สิบเวรก็ได้ขับรถพากลับมาส่ง โดยระหว่างทางสิบเวรบอกว่าได้คุยกับร้อยเวร สารวัตร และผู้กำกับให้แล้วไม่มีปัญหา


จากนั้นสิบเวรได้จอดรถให้ น.ส.เอ ลงไปกดเงินสด 10,000 บาท มายื่นให้สิบเวรในรถ แล้ว น.ส.เอ ก็ขอใบเป่าแอลกอฮอล์ที่ระบุ 103 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ที่เซ็นเอาไว้ เพราะกลัวว่าสิบเวรจะเอามาดำเนินคดีกับตัวเองอีก แต่สิบเวรก็ยื้อไม่ยอมให้อีก

กระทั่งวันที่ 2 ก.ย. 67 น.ส.เอ อยากได้เอกสารใบเป่าแอลกอฮอล์ สิบเวรจึงนัดให้ไปหาที่ สภ.ธัญบุรี แล้วบอกว่างั้นเดี๋ยวเราไปหาที่นั่งคุยกันเงียบๆ จากนั้นก็พาไปที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งลักษณะเป็นผับ โดยสิบเวรได้จองโต๊ะไว้แล้ว และดูเหมือนสิบเวรจะรู้จักเด็กเสิร์ฟในร้านแทบทุกคน

ระหว่างที่นั่งกิน สิบเวรก็บังคับในชนแก้วแล้วดื่มให้หมดแก้วหลายครั้ง ซึ่ง น.ส.เอ ก็พยายามขอร้องให้เอาใบเป่าแอลกอฮอล์มาให้ สิบเวรก็บอกว่า ต้องให้ น.ส.เอ ยอมนอนกับสิบเวรก่อนถึงจะคืนให้ คืนนั้นสิบเวรจึงตาม น.ส.เอ กลับมาที่คอนโดฯ และมีเพศสัมพันธ์กัน น.ส.เอ บอกให้ป้องกันแต่สิบเวรก็ไม่ยอม หลังมีเพศสัมพันธ์กันแล้ว สิบเวรก็ยังไม่ยอมคืนใบเป่าแอลกอฮอล์ให้ อ้างว่าที่ผ่านมาก็ต้องเก็บใบเป่าไว้ทุกใบ ไม่เคยให้ใครเลย

ปกติ น.ส.เอ เป็นโรคซึมเศร้าอยู่แล้ว หลังจากที่สิบเวรกลับไป น.ส.เอ สับสนมากจนอาการกำเริบต้องไปพบแพทย์ นอนแอดมิตที่โรงพยาบาลถึง 3 วัน เมื่อกลับบ้าน สิบเวรก็ยังโทรฯ มาหาบอกอีกว่า จะมามาหาที่คอนโดฯ ตอน 2 ทุ่ม ทำให้ น.ส.เอ สับสนและกลัวมาก จึงได้มาขอความช่วยเหลือ

กระทั่ง พ.ต.อ.จิรวัฒน์ เปี่ยมปิ่นเศรษฐ ผกก.สภ.ธัญบุรี ได้เรียกสอบ “สิบเวร” โดย ส.ต.ต. ผู้บังคับหมู่งานสอบสวน สภ.ธัญบุรี ให้การคนละแบบว่า “เงินดังกล่าวนั้น เขาให้เงินผมเอง เพราะมันจะมีเงินค่ารถยก 2,500 บาท วันนั้นผมบอกว่าจะเอาแค่นั้น แล้วก็ค่าปรับ เพราะว่าคู่กรณียังติดใจอยู่ แล้วน้องเขาก็เอาเงินให้ผม 10,000 บาท แล้วบอกผมว่าเอาไปเถอะพี่ หนูจะได้โล่ง ผมก็ทำตัวไม่ถูก เพราะอีกฝ่ายหนึ่งก็เป็นคู่กรณี เพราะยังไงก็ต้องไกล่เกลี่ยทั้งสองฝ่าย ส่วนเรื่องที่ไปกินที่ร้านอาหารนั้น เราก็ไปกินเหมือนคนคุยกันปกติ พอไปคอนโดฯ ก็นอนด้วยกันเหมือนตัวโดนตัว ก็เลยตามนั้นครับ”

สุดท้ายก็มีคำสั่งให้ “สิบเวร” ออกจากพื้นที่ โดยให้ไปช่วยราชการที่ ภ.จว.ปทุมธานี พร้อมตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และจะส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด

ต่อมา พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน และขออนุมัติต่อศาลออกหมายจับ ส.ต.ต. โดยศาลจังหวัดธัญบุรี ออกหมายจับฐานความผิด 1.เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ, เป็นเจ้าพนักงานเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ 2.ข่มขืนกระทำชำเราโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้

3.พาผู้อื่นไปเพื่อการอนาจาร โดยใช้อุบายหลอกลวงขู่เข็ญฯ และข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจฯ พร้อมกับได้จับกุมตัว ส.ต.ต. มาแจ้งข้อหาตามหมายจับส่งดำเนินคดีตามกฎหมายก่อนนำตัวฝากขังศาล

ส่วนการดำเนินการทางวินัย ตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี ได้มีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน เนื่องจากถูกล่าวหาว่ากระทำความผิดวินัยอย่างร้ายแรง

ไม่น่าเชื่อว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้ได้จริงๆ จากดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับรถเฉี่ยวชนกับคนอื่น ที่จริงมันควรจะเป็นเรื่องทางกฎหมาย แต่มันกลับถึงขั้นทำให้หญิงสาวถูกข่มขู่จนนำไปสู่การถูกล่วงละเมิดทางเพศ ด้วยน้ำมันมือผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ น้องผู้หญิงผู้เสียหายก็คงจะมีตราบาปด้วยเรื่องแบบนี้ไปตลอดชีวิต ส่วน ส.ต.ต.ก็ดับอนาคตตัวเองด้วยน้ำมือ..ของตัวเอง.


ข่าวสารตำรวจ

เพราะรักถึงจับ
พ.ต.อ.รักชาติ เรืองเจริญ ผกก.สภ.ชุมแพ จว.ขอนแก่น แจกลายเซ็นหัวใจดวงน้อย ในพิธีลงนามความร่วมมือการขับเคลื่อนวาระอำเภอชุมแพ ขับขี่ปลอดภัย 365 วัน ก่อนจะงัดมาตรการบังคับใช้กฎหมาย 10 ข้อหาหนัก อย่างเข้มงวดและต่อเนื่อง เพื่อสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนให้กับประชาชน พร้อมฝากถึงประชาชน ช่วยกันปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อความปลอดภัย “เพราะรักตำรวจถึงจับ”

ชุมชนปลอดยาเสพติด
พ.ต.ท.ปิยะวัฒน์ วงศ์ทรายทอง รองผกก.ป.สภ.หนองใหญ่ จ.ชลบุรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ใต้บังคับบัญชา นายสมหมาย นาวินปกาสิตย์ ผู้ใหญ่บ้าน ม.6 ต.หนองใหญ่ อ.หนองใหญ่ และผู้นำชุมชนบ้านมาบยาง ร่วมประชุมและรับมอบป้าย คุ้มสีขาว ชุมชนยั่งยืนปลอดยาเสพติด อาทิ คุ้มกู๋ใช้ คุ้มโรงงานสังกะสี เมื่อวันก่อน

มอบเกียรติบัตร
พล.ต.ต.พิษณุ วัตถุ ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ มอบเกียรติบัตร เพื่อแสดงว่า สถานีตำรวจภูธรขุนหาญ เป็นหน่วยงานที่มีผลคะแนน ระดับ ผ่านดีเยี่ยม ของการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใส ในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity & Transparency Assessment: ITA) ของสถานีตำรวจนครบาล/สถานีตำรวจภูธร ประจำปึงบประมาณ พ.ศ. 2567 ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ โดยมี พ.ต.อ.พฤทธิ์ บุญปก ผกก.สภ.ขุนหาญ เป็นผู้รับมอบ.

ไม่ปล่อยให้ลอยนวล

เกิดคดีเล็กคดีใหญ่ทั้งยาเสพติด อาชญากรรมรูปแบบต่างๆ พ.ต.อ.พีระ อัศวพิบูลย์ผล ผกก.สืบสวน ภ.จว.สุพรรณบุรี พ.ต.ท.ณรงค์ สุรินทร์ รอง ผกก.สืบสวนฯพ.ต.ท.สนิทพงษ์ อินทรกำแหง,พ.ต.ท.อรรถพล สุวรรณประทีป,พ.ต.ท.นพพร รัตนา สว.กก.สส.ฯ ไม่ปล่อยให้เรื่องเงียบ เร่งติดตามผู้กระทำผิดมาดำเนินการตามกฎหมาย ไม่ปล่อยให้ลอยนวลเย้ยกฎหมาย เยี่ยมครับ

*****************************************
คอลัมน์ : สน.รอตรวจ
โดย : บิ๊กสลีป