เมื่อวันที่ 5 ก.ย. ที่ กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. กล่าวถึงความคืบหน้าการขยายผลคดีเจ้าหน้าที่กรมทางหลวงเรียกเก็บส่วยรถบรรทุกว่า ยอดเงินหมุนเวียนที่ตรวจสอบพบในผู้ต้องหากลุ่มแรก ค่อนข้างมีจำนวนมาก แตกเป็นหลายเส้นหลายกลุ่ม จึงต้องขยายผลตามต่อให้แน่ชัดว่าเงินไปถึงใคร มีบุคคลระดับใหญ่กว่าเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ แต่จากการสอบปากคำกลุ่มผู้ต้องหาชุดแรก ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี และทำให้ได้บัญชีม้าเพิ่ม 3-4 บัญชี รวมถึงทราบตัวบุคคลสำคัญที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งอยู่ระหว่างสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับ ก่อนจะเปิดปฏิบัติการ EP.2
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจด่านชั่งของกรมทางหลวงแต่ละชุด ที่มีพฤติกรรมทุจริตรับส่วยรถบรรทุก จะมีพลเรือนที่ทำหน้าที่เป็นหน้าเสื่อ ประสานงานกับกลุ่มผู้ประกอบการแต่ละเครือข่าย สอดคล้องกับคำให้การของนายธงชัย เต็มฟอม หรือ บอย อายุ 38 ปี พลเรือนทำหน้าที่เป็นหน้าเสื่อให้ผู้ต้องหากลุ่มแรก ที่ยอมรับว่า เคยมีผู้ประกอบการที่อยู่ในความดูแลของตนบางราย ติดต่อให้ช่วยเป็นตัวกลาง ประสานจ่ายเงินส่วยให้กับหน้าเสื่อชุดเฉพาะกิจด่านชั่งกรมทางหลวงชุดอื่น
บุกจับหัวหน้าชุดเฉพาะกิจ spot check ‘กรมทางหลวง’ พร้อมสมุน เก็บส่วยรถบรรทุก
นอกจากนี้ จากแนวทางสืบสวนยังทราบว่า ทุกครั้งที่เจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจด่านชั่งกรมทางหลวง ออกตรวจตราตามถนนหลวงเส้นต่างๆ จะมีการโทรศัพท์แจ้งให้กับผู้ประกอบการที่ยอมจ่ายส่วย ทราบจุดตั้งด่านล่วงหน้า เพื่อให้งดใช้เส้นทางดังกล่าวชั่วคราว หรือ จอดรถหลบข้างทาง รอจนกว่าจะออกตรวจตราเสร็จ เพื่อไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกต.