เมื่อวันที่ 4 ก.ย. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายพิเชษฐ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท วาระ 2 และ 3 เป็นวันที่ 2 ต่อเนื่อง ในมาตรา 14 งบประมาณรายจ่ายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานในกำกับ จำนวน 36,297,406,700 บาท 

น.ส.ศนิวาร บัวบาน สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้ขอสงวนคำแปรญัตติปรับลดงบฯกรมการข้าว ที่ได้รับจัดสรรงบสูง ถึง 4,000 ล้านบาท แต่งบครึ่งหนึ่ง เกือบ 2,000 ล้านบาท ไปลงที่โครงการผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าว มีการนำไปจัดซื้อจัดหาครุภัณฑ์ ซึ่งกว่า 90% นำไปซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ข้าว รวมถึงชุดอบลดความชื้นเมล็ดพันธุ์ข้าว รวมมูลค่าทั้ง 3 รายการ  925 ล้านบาท มันมีความจำเป็น คุ้มค่า โปร่งใส หรือไม่

น.ส.ศนิวาร อภิปรายว่า โดยเฉพาะเรื่องความโปร่งใส ย้อนรอยใน ปี 2566 ได้มีการจัดซื้อเครื่องจักร มูลค่า 97 ล้านบาท ซึ่งผู้ชนะประมูลได้ต่ำกว่าราคากลางเกือบ 5 ล้านบาท มีบริษัทเสนอราคามา 3 บริษัท คือ บริษัท  C-B และ V  โดยพบว่า บริษัท C ซึ่งชนะประมูลได้รับงานไป มีทุนจดทะเบียน 400 ล้านบาท เป็นบริษัทกลุ่มทุนยักษ์ใหญ่ในภาคการเกษตรของประเทศไทย ส่วนบริษัท B ทุนจดทะเบียนเพียง 1 ล้านบาท ใช้บ้านเป็นออฟฟิศ งบกำไรขาดทุนบริษัทนี้ 4 ปีที่ผ่านมา ไม่มีลูกหนี้การค้า และปี 2565 ก็ไม่มีรายได้เลย แต่มาเสนอขอรับงาน มูลค่าเกือบร้อยล้านบาท ส่วนบริษัท V  ทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท แต่เมื่อสืบค้นข้อมูล ทำแต่แขนหุ่นยนต์ ทั้ง ๆ ที่สเปกโครงการนี้ ประกอบไปด้วยเครื่องจักรอุปกรณ์มากมาย ยิ่งไปกว่านั้นทั้ง 3 บริษัท ได้ยื่นเสนอราคาเข้ามาในวันเดียวกันอีกต่างหาก บังเอิญหรือไม่ อะไรจะพร้อมเพรียงกันขนาดนั้น ยิ่งไปกว่านั้นเลขที่ใบเสนอราคาเรียงกันแบบไม่ได้นัดหมาย ซึ่งการไม่เปิดให้เกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรมนี้ ทำให้รัฐจะต้องสูญเสียงบประมาณสูงเกินกว่าที่ควรจะเป็น โดยทาง กมธ.ได้ทำการปรับลดงบโครงการดังกล่าวไปแล้ว 14 ล้านบาท แต่ตนขอเสนอให้ปรับลดเพิ่มอีก 20% ของทั้ง 3 รายการ รวมมูลค่า 185 ล้านบาท.