นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินโครงการสำคัญของกระทรวงคมนาคมในพื้นที่ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเกาะสมุยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของไทย และมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมาก สามารถสร้างรายได้ และส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทยอย่างมาก กระทรวงคมนาคมมีแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมอีกหลายด้าน ทั้งทางอากาศ ทางถนน และทางน้ำ เพื่อรองรับการเติบโตของพื้นที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี

 ทล. อยู่ระหว่างพัฒนาโครงข่ายทางหลวงของ 3 สายทาง รวมระยะทาง 69.922 กิโลเมตร(กม.) ได้แก่ โครงการก่อสร้าง ทล.4142 ตอน บ้านใน – บ้านโฉ – ขนอม ระยะทาง 47.513 กม., โครงการก่อสร้าง ทล.4014 ตอน คลองเหลง – ขนอม ระยะทาง 17.530 กม. และโครงการก่อสร้าง ทล.4170 ตอน สระเกศ – หัวถนน (ขยายเพิ่มช่องจราจรเต็มเขตทาง) ระยะทาง 16.346 กม. ทั้งนี้การดำเนินการทั้ง 3 โครงการดังกล่าว เพื่อพัฒนาเส้นทางให้มีความสะดวกปลอดภัยในการเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวสำคัญภายในเกาะสมุยไปยังท่าเรือเกาะแตน รองรับเส้นทางสะพานเชื่อมระหว่างเกาะสมุยกับบนฝั่งในอนาคต อีกทั้งยังเป็นเส้นทางเพื่อสุขภาพ เนื่องจากมีเส้นทางจักรยานส่งเสริมการออกกำลังกายในสถานที่ท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังได้เร่งรัดการพัฒนาโครงการก่อสร้าง ทล.4170 ตอน สระเกศ – หัวถนนด้วย

นายสุริยะ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังได้ลงพื้นที่ถนนสาย ทล.4169 สายทางรอบเกาะสมุย ติดตามงานป้องกันและอำนวยความปลอดภัย หลังก่อสร้างแล้วเสร็จถนนสายนี้ในช่วงหน้าฝนเกิดหิน และดินสไลด์ ส่งผลให้ประชาชนผู้ใช้ทางไม่ได้รับความสะดวก และปลอดภัย จึงได้เร่งรัดจัดทำโครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 4169 สายทางรอบเกาะสมุย ระยะทาง 50 กม. ปัจจุบันดำเนินการแล้วเสร็จตลอดสาย และเปิดให้ประชาชนสัญจรแล้ว แต่ยังเหลืองานป้องกันและอำนวยความปลอดภัยที่ต้องดำเนินการต่อสำหรับพื้นที่จุดนี้ เนื่องจากในช่วงหน้าฝนมักเกิดเหตุหิน และดินสไลด์กีดขวางเส้นทางสัญจร ได้สั่งการให้ ทล. เร่งรัดดำเนินการสำรวจ และศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างแนวป้องกันปัญหาดังกล่าว โดยให้คำนึงถึงความสะดวก และปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ

นอกจากนี้ยังได้มอบหมายให้ ทล. เข้าศึกษาแนวทางการเพิ่มขีดความสามารถของการจราจรภายในเกาะสมุย เพื่อแก้ปัญหาการแก้ไขปัญหาจราจรติดขัด เพื่อเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่ และนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ ขณะเดียวกันให้กรมทางหลวงชนบท(ทช.) ดำเนินการเรื่องการปรับปรุงถนนทางเชื่อมต่อจากทิศตะวันออกมายังทิศตะวันตก โดยการนำข้อศึกษาเดิมนำมาปรับปรุงแก้ไขให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน ล่าสุดจะดำเนินการให้การดูแลของส่วนท้องถิ่นโอนย้ายมาให้ทางหลวงชนบทดำเนินการพัฒนาต่อไป

ด้านนางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม กล่าวว่า ในส่วนของกรมเจ้าท่า (จท.) ได้ศึกษาและพัฒนาโครงการท่าเทียบเรือรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) บริเวณแหลมหินคม เกาะสมุย มูลค่าการลงทุนรวม 12,172 ล้านบาท ได้เร่งรัดให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จตามแผน เพื่อส่งเสริมรายได้เข้าจังหวัดและเข้าประเทศ รวมถึงยกระดับการท่องเที่ยวเรือสำราญที่เข้ามาเทียบท่าเกาะสมุย ซึ่งแต่ละปีมีจำนวนมาก สามารถสร้างรายได้ให้กับจังหวัดสุราษฎร์ธานี และประเทศชาติอย่างมหาศาล จากการวิเคราะห์โครงการพบว่า พื้นที่บริเวณแหลมหินคม ต.ตลิ่งงาม มีความเหมาะสมมากที่สุด ทั้งด้านวิศวกรรมที่มีกำบังคลื่นลมโดยธรรมชาติ อยู่ใกล้เขตน้ำลึก และมีพื้นที่เพียงพอสำหรับการพัฒนาท่าเรือ

ขณะที่ด้านสิ่งแวดล้อม และสังคม จะช่วยอำนวยความสะดวกในการเข้าถึง ไม่มีพื้นที่อ่อนไหว และไม่ส่งผลกระทบต่อชุมชน ส่วนด้านเศรษฐศาสตร์ เป็นพื้นที่มีศักยภาพเชิงพาณิชย์และมีความพร้อมด้านสาธารณูปโภค ต้นทุนและค่าใช้จ่ายของโครงการตลอดระยะเวลา 37 ปี มีความคุ้มค่าในการลงทุนด้านเศรษฐกิจ โดยมีผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจตลอดอายุโครงการประมาณ 46,000 ล้านบาท และมีอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐศาสตร์มากกว่า 15% ทั้งนี้ จท. ได้วิเคราะห์แล้วเห็นว่า การร่วมลงทุนในรูปแบบ PPP Net Cost มีความเหมาะสม และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อภาครัฐ โดยมีเอกชนเป็นเจ้าของรายได้และเป็นผู้รับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นทั้งหมด อย่างไรก็ตามคาดว่าจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่ออนุมัติโครงการได้ในปี 67 เปิดประมูลปี 68 เริ่มก่อสร้างได้ในปี 72 และเปิดให้บริการในปี 75.