หลังจากที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ประกาศแต่งตั้งหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี คนใหม่ เป็นชาวญี่ปุ่น ต่อยอดสำหรับทีมชุดใหญ่ที่มี มาซาทาดะ อิชิอิ กุนซือชาวญี่ปุ่น กุมบังเหียน โดยเบื้องต้น “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมฯ บรรลุการเจรจาเงื่อนไขสัญญากับโค้ชซามูไรคนนี้เรียบร้อย จะเดินทางมาถึงประเทศไทย ในช่วงต้นเดือน ก.ย. และจะร่วมเดินทางไปกับทีมชุดใหญ่ ที่ประเทศเวียดนาม พร้อมกับ มาซาทาดะ อิชิอิ

“เดอะตุ๊ก” น.อ.ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน กรรมการกลางและโฆษกสมาคมกีฬาฟุตบอลไทย เผยว่า ตนเองยังไม่ทราบรายละเอียดโค้ชคนใหม่ของทีม 23 ปีมากนัก โค้ชรายนี้ได้รับการแนะนำจาก อิชิอิ เท่าที่รู้คือผ่านการคุมทีมชาติสิงคโปร์ชุดใหญ่มาแล้ว

สำหรับหัวหน้าโค้ชทีมชาติสิงคโปร์ชุดใหญ่ มีเพียง สึโตมุ โอกุระ กุนซือวัย 61 ปี เพียงคนเดียวเท่านั้น ซึ่งเคยผ่านงานทั้งการเป็นผู้ช่วยโค้ชในสโมสรเจฟ ยูไนเต็ด, เวนต์ฟอเรต โคฟุ, โตเกียว เวอร์ดี, เป็นสปอร์ตไดเรกเตอร์ของสโมสรโยโกฮามา เอฟ มารินอส, เป็นเฮดโค้ชสโมสรโอมิยะ อาร์ดิจา, เป็นผู้ช่วยโค้ชทีมชาติญี่ปุ่น ปี 2006-2010, ผู้ช่วยโค้ชทีมชาติญี่ปุ่น ชุดโอลิมปิกเกมส์ ระหว่างปี 2010-2012 และเป็นเฮดโค้ชทีมชาติสิงคโปร์ ในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานจากสิงคโปร์ว่า สึโตมุ โอกุระ ได้ลาออกจากตำแหน่งกุนซือใหญ่

ขณะเดียวกัน “เดอะตุ๊ก” เผยอีกว่า ก่อนหน้าที่ตนได้เสนอชื่อของโค้ชชาวไทยที่มีดีกรีระดับโปรไลเซนส์รุ่นใหม่ให้นายกสมาคมพิจารณานั้น อยากให้โค้ชเหล่านี้ได้ทำงานกับทีมชาติไทย ซึ่งเชื่อว่าจะได้ประโยชน์อย่างมาก นอกจากจะเป็นคนประสานระหว่างนักเตะกับโค้ชคนใหม่แล้ว ยังได้เรียนรู้แทคติกจากโค้ชต่างประเทศด้วย เพื่อสั่งสมประสบการณ์เอามาพัฒนาตัวเอง แต่เมื่อตัดสินใจใช้โค้ชญี่ปุ่น ส่วนตัวไม่ติดขัดอะไร ตนสนับสนุนอย่างเต็มที่ เนื่องจากเรื่องนี้จะเป็นผลดีกับทีมชาติไทย เพราะแนวทางการทำงานจะตรงกัน ส่วนสตาฟฟ์โค้ชที่เสนอไปก่อนหน้า ตนจะดึงมาอย่างน้อย 3-4 คน เพื่อมาเป็นสตาฟฟ์โค้ชเรียนรู้งานและแนวทางการทำทีมใหม่ๆ