น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาองค์กรของผู้บริโภค หรือสภาผู้บริโภค เปิดเผยว่า สภาผู้บริโภคร่วมกับมูลนิธิผู้บริโภคอินโดนีเซีย (YLKI) และสหพันธ์องค์กรผู้บริโภคมาเลเซีย (FOMCA) เตรียมเปิดเวทีการประชุมนานาชาติระดับภูมิภาค “โครงการสานพลังอาเซียนบวกสาม เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคในเศรษฐกิจดิจิทัล และปัญญาประดิษฐ์” ครั้งแรกในอาเซียน โดยมีองค์กรของผู้บริโภคในภูมิภาคอาเซียนบวกสามได้แก่ กัมพูชา บรูไน มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สิงคโปร์ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม อินโดนีเซีย เกาหลีใต้  จีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น และประเทศไทย เข้าร่วม

เวทีนานาชาติระดับภูมิภาคครั้งนี้ เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ สถานการณ์ปัญหา การจัดการการละเมิดสิทธิผู้บริโภค ร่วมกับกลุ่มองค์กรของผู้บริโภคในภูมิภาคอาเซียนบวกสาม ตลอดจนการพัฒนาความร่วมมือขององค์กรของผู้บริโภค หน่วยงานรัฐ หน่วยงานเอกชนที่เกี่ยวข้องในไทยให้เข้มข้นมากขึ้น เพื่อรองรับการดำเนินการคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิของผู้บริโภคจากธุรกิจแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและการใช้เอไอ ให้มีมาตรฐานในการแสดงความรับผิดชอบต่อผู้บริโภคด้วยความเป็นธรรม โดยการสัมมนานี้จะจัดขึ้นในวันที่ 29 – 30 สิงหาคม นี้ ณโรงแรมอมารี ดอนเมือง แอร์พอร์ต

น.ส.สารี อ๋องสมหวัง

น.ส.สารี กล่าวว่า ในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลและเอไอก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ได้เข้ามามีบทบาทต่อชีวิตประจำวันและการประกอบธุรกิจ แต่ก็ได้สร้างปัญหาการละเมิดสิทธิของผู้บริโภคในหลายรูปแบบ และเปลี่ยนแปลงไปมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ทั้งการฉ้อโกง การหลอกลวง การเผยแพร่ข้อมูลเท็จ การละเมิดสิทธิส่วนบุคคล และการใช้อำนาจผูกขาดของผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม ซึ่งในช่วงระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมาประชาชนในประเทศไทยได้รับความเสียหายจากภัยออนไลน์สูงถึง 65,000 ล้านบาทต่อปี หรือเฉลี่ย 180 ล้านบาทต่อวัน ในขณะที่สภาผู้บริโภค พบสถิติร้องเรียนการหลอกลวงซื้อสินค้าและบริการทั่วไปผ่านระบบออนไลน์ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 สูงถึง 1,386 กรณี เฉพาะข้อมูลล่าสุดในเดือนมิถุนายนมีการร้องเรียน 258 กรณี โดยเป็นการซื้อสินค้าผ่าน Facebook สูงสุด 193 กรณี หรือคิดเป็นสัดส่วน 75% ของข้อร้องเรียนทั้งหมด รองลงมาคือ Lazada และ Shopee 30 กรณีคิดเป็น 12%  จาก Merchant Website (การขายสินค้าหรือบริการผ่านเว็บไซต์) 9 กรณี คิดเป็นสัดส่วน 12% , TikTok 11 กรณี หรือ 3% , Line  4 กรณี คิดเป็นสัดส่วน 2% และช่องทางอื่นๆ รวม 22 กรณีหรือคิดเป็นสัดส่วน 9%

“โลกเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ทำให้การหลอกลวงและกลโกงมีความซับซ้อนมากขึ้น ดังนั้นสภาผู้บริโภคจำเป็นที่จะต้องมีข้อมูลที่ทันสมัยรอบด้าน มีการเรียนรู้ประสบการณ์จากหลายๆ ประเทศ ตลอดจนการประสานความร่วมมือที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นในระดับนานาชาติ เพื่อพัฒนานวัตกรรมเครื่องมือที่เหมาะสมทันต่อสถานการณ์ ดังนั้นเวทีสัมมนาซึ่งจะเกิดขึ้นวันที่ 29-30 สิงหาคมนี้ ก็จะเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือของเราในการแสวงหาโอกาสต่อการสร้างความปลอดภัยแก่ผู้บริโภคไทยมากยิ่งขึ้น” น.ส.สารี กล่าว

ทั้งนี้ ในเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในกลุ่มประเทศอาเซียนบวกสาม จะมุ่งสะท้อนสถานการณ์และการจัดการปัญหาผู้บริโภคด้านดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ และตามด้วยการเสวนาจากผู้แทนองค์กรผู้บริโภคจากประเทศต่างๆ ในหัวข้อ “แนวทางและมาตรการคุ้มครองผู้บริโภค ในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล และปัญญาประดิษฐ์” หลังจากการระดมสมองในเวทีต่างๆ แล้วการสัมนานานาชาติครั้งนี้จะนำไปสู่การนำเสนอร่างแผนความร่วมมือของสภาผู้บริโภคและองค์กรผู้บริโภคในประเทศกลุ่มอาเซียนรวมถึงประเทศจีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ซึ่งเป็นที่คาดหวังว่าจะเป็นยุทธการรับมือจากการใช้เทคโนโลยีเอไอที่ไม่เป็นธรรมกับผู้บริโภค ที่เข้ามาในยุดเศรษฐกิจดิจิตอล พร้อมกันนี้ ประชาชนทั่วไปที่สนใจสามารถเข้ารับฟังการสัมมนาผ่านการถ่ายทอดสดโดยไม่มีค่าใช้จ่ายทาง https://www.facebook.com/tccthailand