นายเสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า สถิติการจดทะเบียนรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ทั่วประเทศประจำปี 67 เดือน ม.ค.–ก.ค. 67 พบว่า มีผู้นำรถใหม่มาจดทะเบียนทั้งสิ้น 1,623,778 คัน การจดทะเบียนฯ ในแต่ละเดือนมีจำนวนดังนี้ เดือน ม.ค. 259,299 คัน เดือน ก.พ. 227,883 คัน เดือน มี.ค. 234,429 คัน เดือน เม.ย. 199,056 คัน เดือน พ.ค. 249,757 คัน เดือน มิ.ย. 231,948 คัน และเดือน ก.ค. 221,406 คัน

นายเสกสม กล่าวต่อว่า ขณะที่สถิติการจดทะเบียนรถพลังงานไฟฟ้า หรือ รถ EV (Electric Vehicle) ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ทั่วประเทศประจำปี 67 ระหว่างเดือน ม.ค.–ก.ค. 67 มีทั้งสิ้น 59,670 คัน การจดทะเบียนฯ ในแต่ละเดือนมีจำนวนดังนี้ เดือน ม.ค. 15,915 คัน เดือน ก.พ. 6,259 คัน เดือน มี.ค. 7,373 คัน เดือน เม.ย. 5,973 คัน เดือน พ.ค. 7,969 คัน เดือน มิ.ย. 7,911 คัน และเดือน ก.ค. 8,270 คัน ทั้งนี้ ขบ. มีมาตรการลดภาษีประจำปีสำหรับรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่เป็นรถใหม่สำเร็จรูปจากโรงงาน และนำมาจดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ เป็นการส่งเสริมให้ประชาชนหันมาใช้รถพลังงานไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็นการลดปัญหามลพิษทางอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ

นายเสกสม กล่าวอีกว่า มาตรการลดภาษีประจำปีสำหรับรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่เป็นรถใหม่สำเร็จรูปจากโรงงาน และนำมาจดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 10 พ.ย. 68 โดยให้ลดภาษีลง 80% จากอัตราที่กำหนดตาม (11) ของอัตราภาษีประจำปีท้ายพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ดังนี้ รถเก๋งที่ใช้พลังงานไฟฟ้าที่มีน้ำหนัก 1,751-2,000 กิโลกรัม (กก.) ปกติจัดเก็บภาษีประจำปี 1,600 บาท ลดภาษีประจำปีแล้ว คงเหลือ 320 บาท, รถตู้ส่วนบุคคลที่ใช้พลังงานไฟฟ้าที่มีน้ำหนัก 1,751-2,000 กก. ปกติจัดเก็บภาษีประจำปี 800 บาท ลดภาษีประจำปีแล้ว คงเหลือ 160 บาท และรถจักรยานยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า ปกติจัดเก็บภาษีประจำปี 50 บาท ลดภาษีประจำปีแล้วคงเหลือ 10 บาท เป็นต้น โดยเริ่มตั้งแต่วันที่รถนั้นจดทะเบียนเป็นระยะเวลา 1 ปี