สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 15 ต.ค.ว่าสมาชิกสมัชชาสหประชาชาติ (ยูเอ็นจีเอ) ทั้ง 193 ประเทศ ลงคะแนนในการประชุม เมื่อวันพฤหัสบดี เพื่อเลือกสมาชิกใหม่ 18 ประเทศ จาก 47 ประเทศ เข้าสู่คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชอาร์ซี) โดยสมาชิกทั้งหมดต้องมีสัดส่วนกระจายตาม 5 ภูมิภาคของประเทศสมาชิกยูเอ็น

ทั้งนี้ ผลการลงคะแนนปรากฏว่า เบนินเป็นประเทศที่ได้รับเสียงสนับสนุนสูงสุด 189 คะแนน ตามด้วยแกมเบีย 186 คะแนน สหรัฐ 168 คะแนน ส่วนเอริเทรียอยู่ในอันดับสุดท้าย ได้รับคะแนนสนับสนุน 144 คะแนน

ขณะที่องค์กรสิทธิมนุษยชน ฮิวแมน ไรท์ส วอท์ช ออกแถลงการณ์วิจารณ์ผลการลงมติของสมาชิกยูเอ็นจีเอ ว่าองค์กรระดับโลกแห่งนี้ไม่ได้มีความจริงจัง และไม่มีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ต่อ “พันธกิจแท้จริง” ของยูเอ็นเอชอาร์ซี เนื่องจากสมาชิกใหม่นอกจากนี้ ยังมีแคเมอรูน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่สถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชน “ย่ำแย่”

ด้านนายแอนโทนี บลิงเคน รมว.การต่างประเทศของสหรัฐ แสดงความยินดีต่อการที่รัฐบาลวอชิงตันได้รับเลือกตั้งกลับเข้าสู่ทำเนียบยูเอ็นเอชอาร์ซี ว่าเป็นสัญญาณว่า สหรัฐกลับมามีส่วนร่วมด้านสิทธิมนุษยชนอย่างเป็นทางการอีกครั้ง หลังลาออกไปเมื่อปี 2561 ในยุคของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

อนึ่ง รัฐบาลวอชิงตันเคยวิจารณ์ยูเอ็นเอชอาร์ซี เป็นหน่วยงานปกป้องผู้ละเมิดสิทธิมนุษยชน และยังเป็น “แหล่งเสื่อมโทรม” ที่อุดมไปด้วยอคติทางการเมืองต่ออิสราเอล ซึ่งเป็นประเทศเดียวบนโลกที่ถูกยูเอ็นเอชอาร์ซีวิจารณ์ในการประชุมทุกครั้ง สะท้อนให้เห็นว่าความพยายามของสหรัฐในการผลักดันให้เกิดการปฏิรูปองค์กรแห่งนี้ไม่เป็นผล

ด้านนายเน็ด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวถึงการมีที่นั่งในยูเอ็นเอชอาร์ซีครั้งของสหรัฐ ว่านับจากนี้ ผู้แทนของรัฐบาลวอชิงตันจะเดินหน้าคัดค้าน “ทุกการกระทำที่ไม่เหมาะสม” ต่ออิสราเอล อย่างไรก็ดี มีการวิเคราะห์เช่นกันว่า สหรัฐต้องการกลับเข้าไปเป็นสมาชิกยูเอ็นเอชอาร์ซี เพื่อคานอำนาจกับจีนและรัสเซีย ซึ่งยังคงมีสถานะสมาชิกอยู่ในเวลานี้มากกว่า.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES