@ตามที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เดือนสำคัญทาง”การเมือง” อีกเดือนหนึ่ง ที่เป็นการ”ชี้ชะตา” ของ”การเมือง”ประเทศไทย เพราะมี 2 เรื่องที่เกิดขึ้นซึ่งเป็นเรื่อง”การเมือง” เรื่องแรก”ศาลรัฐธรรมนูญ” ตัดสิน”อนาคตของพรรคการเมือง”หัวก้าวหน้า” อย่าง”พรรคก้าวไกล” ที่ก้าวเร็วเกินกว่า”สังคมส่วนใหญ่” จะ รับได้ ด้วยการ”ยุบพรรค” ตามข้อกล่าวหาที่มีการกระทำที่เกี่ยวกับ”ความมั่นคงของรัฐ” ในเรื่องของ”สถาบันพระมหากษัตริย์” และเนื่องจาก” คอลัมน์ข่าวสังคมภูมิภาค” ชิ้นนี้ มีการส่ง”ต้นฉบับล่วงหน้า” ก่อนการ”ลงดาบ” ของ”ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ” หนึ่งวัน จึงไม่อาจรู้ล่วงหน้าถึง”ชะตากรรม” ของ”พรรคก้าวไกล” แต่ก็เชื่อว่ามีการตัดสินด้วยการ”ยุบพรรค” อย่างแน่นอน ส่วนจะมี”สส. และกรรมการบริหาร” ที่ถูก”ตัดสิทธิ์ทางการเมือง” กี่คนและเป็นระดับ”หัวกระทิ” หรือไม่ ยังไม่ทราบจำนวน…..แต่ด้วยวิธีนี้ ก็ต้องสร้างผลกระเทือนให้เกิดขึ้นกับพรรค”ก้าวไกล” ในระดับ”สึนามิ” ทางการเมือง ที่อาจจะเป็นการ”บอนไซ” ให้พรรคก้าวไกล เติบโตช้าลง เพราะนอกจากจะมี”สส.ที่เป็น”กรรมการผู้บริหารพรรค” จะถูก”ตัดสิทธิ์” ทางการเมืองแล้ว ยังเชื่อว่าหลังการที่พรรค”ถูกยุบ” จะทำให้มี”สส. กลุ่มหนึ่ง มีการ”ย้ายสังกัด”จาก”พรรคก้าวไกล” ไปอยู่ยังพรรคการเมืองอื่นๆ เพราะ “สส. กลุ่มนี้ ไม่มีการถูก”ฝังชิป” หรือปลูกฝัง”อุดมการณ์” แต่ได้เป็น”สส.” เพราะ “กระแส” ของ”พรรคก้าวไกล” ในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด ที่แม้แต่ส่งคนที่”ขาดคุณสมบัติ” ลงสมัครก็ยังได้รับการ”โอบอุ้ม” จาก” ประชาชน ดังนั้นการที่”ก้าวไกล” ถูก”ยุบพรรค” ตามที่มีการ”คาดการ” ไว้ล่วงหน้า แม้ว่า”แกนนำ” ของ”พรรคจะออกมาพูดว่า การที่”พรรคถูกยุบ” ไม่ส่งผล”กระเทือน”ต่อพรรคจึงเป็นเรื่องของ”คนปากแข็ง” ที่ไม่ยอมรับ”ความจริง” เพราะการ”ยุบพรรคก้าวไกล” ต้อง”ส่งผล” ให้การ”เติบโต” อย่าง”ก้าวกระโดด” ในการเลือกตั้งในอีก 3 ปี ข้างหน้า จำนวน “สส.” ต้องไม่เป็นไปตามที่ต้องการ…..

@พรรคเพื่อไทย ที่เป็น”คู่แข่ง” โดยตรงรวมทั้งพรรค”ภูมิใจไทย” ที่เป็นพรรค”อันดับสาม” จึงได้”อานิสงค์” จากการที่”ศาลรัฐธรรมนูญ” ทำการ”ยุบพรรคก้าวไกล” ในครั้งนี้ด้วย รวมทั้งการ”เลือกตั้ง” ในระดับ”ท้องถิ่น” ที่ผ่านมา จะเห็นการกลับมา”ฟื้นฟู” การเมืองแบบเก่าคือการเมือง”บ้านใหญ่” ที่เป็น”นโยบาย”ทางการ”เลือกตั้ง”ของ”เพื่อไทย” ยังพอมี”มนต์ขลัง” รวมทั้งอีกหลายพรรคการเมือง ก็ยังคงนโยบายของ”บ้านใหญ่” เป็นฐานทางการเมือง ซึ่งเรื่องของ”บ้านใหญ่” ทาง”การเมือง” ยังมี”มนต์ขลัง” ในอีกหลายภาค หลายพื้นที่ของประเทศไทย…..ส่วนเรื่องที่สอง ที่ยังต้องให้ความ”สำคัญ” คือการที่”เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี ต้องฟังคำ”พิพากษา” ของ”ศาลรัฐธรรมนูญ”ในคดีที่ถูก” 40 สมาชิกวุฒิสภา” ยื่นฟ้องต่อ”ศาลรัฐธรรมนูญ”ว่าทำผิดกฎหมาย ในการ”แต่งตั้ง”ให้”พิชิต ชื่นบาน” เป็น”รัฐมนตรี” โดยอ้างว่า”ไม่มีคุณสมบัติ” ของการเป็น”รัฐมนตรี” โดย”ศาลรัฐธรรมนูญ” นัดอ่านคำ”ตัดสินคดี” ในวันที่ 14 สิงหาคม แม้ว่าหลายฝ่ายจะ”มั่นอกมั่นใจ” ว่า”เสี่ยนิด” เศรษฐา ทวีสิน” จะสามารถ”เล็ดรอด”ร่างแหของ”กฎหมาย”ไปได้ เพราะมีที่ปรึกษาด้าน”กฎหมาย” อย่าง” วิษณุ เครืองาม” ที่ถูกผู้คนทั้ง”ยกย่อง” ว่าเป็น”กูรูแห่งจ้าวกฎหมาย” และมีผู้”ถากถาง” ว่าเป็นนักกฎหมายตำรับ”ศรีธนนชัย”แห่ง”กฎหมาย” แต่ก็ยังมีคน”บางส่วน” เชื่อว่ามีโอกาสที่”เกมพลิก” ที่ทำให้”เศรษฐา ทวีสิน”อาจจะ”หลายท้องอองลอง” ตกจาก”เก้าอี้ สร.1 “ …..

@ซึ่งหากเป็น เช่นนั้นจริงการเมือง”ก้าวต่อไป” คงจะ”ยุ่งเหยิง” เพราะ”เพื่อไทย” ต้อง”เคลื่อนไหว” ในการตั้ง”เกมการเมือง” เพื่อให้สามารถเป็น”แกนนำ” ในการ”จัดตั้งรัฐบาล” โดยต้องได้ตำแหน่ง”นายกรัฐมนตรี” ในขณะที่พรรคการเมืองอื่นๆ ก็อาจจะ”จับมือกัน”เพื่อการ”ต่อรอง” ทางการเมือง และการ”ต่อรอง” ในเรื่องของ”ตำแหน่ง”เสนาบดีกระทรวงสำคัญๆ ตาม”ขนบ”การเมืองแบบไทยๆ ซึ่งก็คงจะเป็นความ”วุ่นวาย” ที่ไม่ส่ง”ผลดี” กับ”ประเทศไทย และ”คนไทย”  ที่ยังอยู่ระหว่าง”ปากเหว” ของ”เศรษฐกิจ” และ”ปากท้อง” ที่หาก “รัฐบาล”ไม่มี”เสถียรภาพ” มีแต่ความ”โกลาหลทางการเมือง” ประเทศไทย และคนไทย ก็มีโอกาสที่จะ”ร่วงจากปากเหว” ไปยัง”ก้นหุบเหว” แค่คิดก็”หวาดเสียว” กับ”อนาคต”ของ”ประเทศไทยและคนไทย” เพราะ 10 เดือน ที่ผ่านมา โดยที่”พรรคเพื่อไทย” เป็น”แกนนำรัฐบาล” และ”เศรษฐา ทวีสิน” เศรษฐี นักธุรกิจ”อสังหาริมทรัพย์” ที่ประสพความสำเร็จในเรื่อง”อสังหาริมทรัพย์” เป็น “นายกรัฐมนตรี” ยังไม่สามารถ”แสดงฝีมือ” ในการสร้างความ”เติบโต” ให้กับ”เศรษฐกิจ” และแก้ปัญหา”ปากท้อง” ของ”ประชาชน” ที่เป็น”ชนชั้นกลาง และ”ชนชั้นล่าง” ให้มี”คุณภาพชีวิต”  ที่ดีขึ้นแต่อย่างใด…..และเพราะการนำพาประเทศไทยเดินไป”ข้างหน้า” แบบ”ยักตื้นติดกึก ยังลึกติดกัก” นี้เอง  ที่หาก”เศรษฐา ทวีสิน” ไม่ถูก”ศาลรัฐธรรมนูญ” ทำการ”ลงดาบประหารชีวิต” ก็ต้องมีการ”ปรับ ครม.” อยู่ดี ซึ่ง พรรคร่วมรัฐบาล ต่าง”รับรู้” ถึง”กระแสการปรับ ครม.” แล้วทุกพรรค ซึ่งก็ต้องติดตามดูว่า “ครม .เศรษฐา 3 “ ที่ 1 ปี มีการ”ปรับ ครม.”ถึง 3 ครั้ง จะมี”หน้าตา” ที่”หล่อเหลา สวยงาม” หรือจะ”ขี้เหร่” กว่าเดิม เพราะการ”ปรับ ครม. แต่ละครั้งของ”รัฐบาล” เป็นการปรับเพื่อ”สนองตัณหา” ของ”นักการเมือง” ไม่ได้เพื่อประโยชน์ของ”ประชาชน” แต่อย่างใด….. 

@ที่สำคัญในการ”ปรับ ครม. ครั้งนี้ แม้แต่” พรรคประชาธิปัตย์” ที่ถูกหลอก ให้เป็น”แม่สายบัว” ที่”แต่งตัวเก้อรอขันหมาก” มาแล้ว 1 รอบ ก็ยังมีความหวังยัง”ชะเง้อชะแง้”  รอ” เจ้าบ่าว” เพื่อ”เอาเกี้ยว” มาเชิญ”เข้าร่วม” ครม.” โดยมีการวางตัว”เฉลิมชัย ศรีอ่อน” เป็น “รัฐมนตรีว่าการ” และมี”เดชอิศม์ ขาวทอง” หรือ”นายกชาย” เป็น”รัฐมนตรีช่วย” กระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง ก็ขออย่าให้เป็น” แม่สายบัว” ที่รอ”ขันหมากเก้อ” เป็น”คำรบสอง” นะ เห็นใจ และ สงสาร เพราะการเป็น”ฝ่ายค้าน” สำหรับ”นักการเมือง” มี “รสชาติ” ที่” ฝาดขม” เป็นอย่างยิ่ง…..

@โครงการ “ดิจิตัลวอลเล็ต” ที่เป็น”ไม้เด็ด” ของพรรคเพื่อไทย ในการ”หาคะแนนเสียง” และหวังว่าจะเป็น”สึนามิ” ในการ”สร้างความ”เติบโต” ให้กับ”เศรษฐกิจ”ของประเทศ  ผ่านความ”เห็นชอบ” ของ”สภาผู้แทนราษฎร” และ ผ่านความเห็นชอบของ” วุฒิสมาชิก” หรือ”สภาสูง” ไปเรียบร้อย มีการเปิดให้”ผู้มีสิทธิ์” ทำการ”ลงทะเบียน” ในเดือนสิงหาคม และมีผู้”มีสิทธิ์” ลง”ทะเบียน” ไปแล้ว 25 ล้านคน ส่วนจะสามารถ”แจกเงิน” ให้”ผู้มีสิทธิ์” คนละ”10,000 บาทเมื่อไหร่ ก็ต้องติดตามดู ที่สำคัญที่ทุกฝ่าย”เป็นห่วง” คือ โครงการ”ดิจิตัลวอลเล็ต” จะเป็น”สึนามิ” ที่ทำให้”เศรฐกิจ” ของประเทศโตแบบ”ก้าวกระโดด”ตามความต้องการของ”พรรคเพื่อไทย” จริงหรือไม่ และถ้า”ไม่จริง” นอกจากคนไทยทั้งประเทศจะ”มีหนี้เพิ่ม”อีก 500,000 ล้านบาทแล้ว ยังจะเกิด”สึนามิ” แห่งความ”หายนะ” ครั้งใหญ่ที่ยิ่งกว่า”วิกฤติต้มยำกุ้ง” เพราะ”วิกฤติต้มยำกุ้ง” ผู้ได้รับ”ผลกระทบ” เป็น นักลงทุน และ กิจการ ระดับบน แต่”วิกฤติเศรษฐกิจ” ครั้งนี้ ผู้ที่”รับเคราะห์” เป็นคน”ระดับกลาง” และ”ระดับล่าง” ทั้งประเทศ ซึ่งหาก”กระสุนนัดสุดท้าย” ใน”รังเพลิง” เกิดการ”ด้าน” หรือ”ยิงพลาดเป้าหมาย” คนไทยทุกคนคือคนที่หนีไม่พ้นความ”เสดสา” ครั้งใหญ่ ที่คงจะต้อง”ตัวใครตัวมัน”……แต่ในเมื่อ”ดิจิตัลวอลเล็ต” เป็น นโยบาย”เรือธง” ของ”พรรคเพื่อไทย” และเป็นโครงการที่ “เพื่อไทย” ไม่ฟังเสียง”คัดค้าน” แม้แต่เสียง”คัดค้าน”ของ”ธนาคารแห่งประเทศไทย” และ”ปปช.” รวมทั้ง”กฤษฎีกา”  และในเมื่อ”เพื่อไทย” เชื่อมั่นว่า”ดิจิตัลวอลเล็ต” เป็น”ของดีจริง”  เมื่อมี”มติ” เห็นชอบให้ดำเนินการได้ทั้งจาก”สภาล่าง” และ”สภาบน” ก็ต้องเร่งให้”เพื่อไทย” ดำเนินการโดยเร็ว เพระหาก”ดิจิตัลวอลเล็ต” เป็นนโยบายที่”ดีจริง” เศรษฐกิจประเทศไทยจะได้”ฟื้นตัว” ได้จริงในปี 2567  เพื่อให้ ประเทศไทย “หลุดพ้น” จาก”ปากเหว” ของ”เศรษฐกิจ ปากท้อง”ของคนส่วนใหญ่ในประเทศ  …..

@แต่ถ้าจะคิดว่า”ดิจิตัลวอลเล็ต” จะทำให้”เพื่อไทย” ได้”คะแนนนิยม” เพิ่มมากขึ้นจากประชาชน ก็อาจไม่เป็นอย่างที่คิด เพราะโครงการ”ดิจิตัลวอลเล็ต” ของ”เพื่อไทย” มีความ “ผิดพลาด” หลายประการ ประการแรกเป็นการสร้างความ”เหลื่อมล้ำ” ให้กับ”สังคม” เพราะเงินที่ใช้ในการ”แจกประชาชน” จำนวน 450,000 ล้านบาท ทุกคนที่เป็น”หุ้นส่วน” ประเทศไทย มี”หนี้” ที่ต้อง”แบบรับ” เท่าเทียมกัน แต่มีกลุ่มคน จำนวนหนึ่ง ไม่ได้รับ”อานิสงค์” จากการ”แจกเงิน” ในครั้งนี้ เช่นคนที่มีเงินฝาก 500,000 บาทขึ้นไป  และ “ร้านค้า” ที่ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการ ซึ่งมีเป็นจำนวนมากคนเหล่านี้ ไม่แสดงออกแต่”ไม่พอใจ” กับนโยบายของ”เพื่อไทย” อย่างแน่นอน…..ประเด็นที่สอง เรื่อง”เงินดิจิตัล” เป็นเหมือนกับ”ทุกข์ลาภ”ของ”ประชาชน”ผู้”มีสิทธิ์” เพราะเป็นการ”แจก” ที่มี”เงื่อนไข” มากกมาย เช่น”ประชาชน”ต้องการได้”เงินสด” เพื่อนำไป”ใช้จ่าย”ตาม”อเนกประสงค์” แต่”วัตถุประสงค์ของ”เพื่อไทย” ให้ใช้ในการ”ซื้อสินค้า” ที่มีการ”จำกัด” ว่าซื้อสินค้าอะไรได้ และ”ซื้ออะไรไม่ได้” สร้างความ”อึดอัด” ให้เกิดขึ้นกับประชาชน  สิ่งที่สำคัญ คนที่”ใช้แรงงาน” และ”ลูกจ้าง” จาก”ชนบท” จำนวนมาก ที่”ได้สิทธิ์” แต่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ซึ่งถูก”กำหนด” ให้ใช้เงิน”ดิจิตัล” เขาต้อง “ขึ้นรถลงเรือ” เพื่อกลับไป”ใช้สิทธิ์” ในการ”ซื้อสินค้า” ยัง”อำเภอ”ที่เป็นที่อยู่ตาม”บัตรประชาชน” แล้วจะ”คุ้มค่า”หรือไม่กับการ”เดินทาง” เพื่อไป”ซื้อสินค้า” ตามที่มีการ”จำกัด” เอาไว้  และยังมี”อะไรต่อมิอะไร” อีกมากมาย ในการ”เข้าถึง” การได้สิทธิขอรับ”แจกเงิน” ในครั้งนี้ ดังนั้นโครงการ”แจกเงิน” ในครั้งนี้ของ”เพื่อไทย” จึงเป็นการ”แจก” ที่คนที่”ได้รับ” นอกจากไม่”ขอบคุณ” แล้วยังมีเสียง”ก่นด่า” ตามมาอีก ไม่เชื่อ” สส.เพื่อไทย” ก็ส่ง”หัวคะแนน”ลงพื้นที่ไปฟังเสียง สะท้อน ของประชาชนได้…..

@หมดเรื่องของ”การเมือง” ก็มาติดตาม “สถานการณ์ความไม่สงบจังหวัดชายแดนภาคใต้” ก่อนที่” เศรษฐา ทวีสิน”นายกรัฐมนตรี จะเดินทาง ลงพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เพื่อพบกับ “อันวาร์ อิบราฮิม” นายกรัฐมนตรีประเทศมาเลเซีย เพื่อ”หารือ” ในเรื่อง การแก้ปัญหา และการ”พัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้”  “ทหาร-ตำรวจ” และฝ่าย”ปกครอง” ก็มีการเปิด”ยุทธการคลองช้าง” ปิดล้อม” กองกำลังติดอาวุธ” อาร์เคเค” ที่ “หลบซ่อน” อยู่ในสวนยางบ้านคลองช้าง ต.นาเกตุ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี จำนวน 3 คน ที่เป็นกลุ่ม”กองกำลังติดอาวุธ” ที่เคลื่อนไหว ในพื้นที่ อ.โคกโพธิ์ และ ใกล้เคียง เพื่อก่อเหตุร้าย ต่อ”เจ้าหน้าที่รัฐ” “ยุทธการคลองช้าง” มีการ”ปิดล้อม”พื้นที่เพื่อ”จับกุม” กองกำลังติดอาวุธ”อาร์เคเค” ถึง 5-6 วันด้วยกัน มีการใช้กำลัง”ครั้งใหญ่” ถึง 300 นาย ในการ”ปิดล้อม” และ”ข่าวว่า” ถึงขั้น”อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 “บางคน ต้องลงมา”บัญชาการรบ” ด้วยตนเอง สุดท้ายต้องใช้”รถแทรกเตอร์” ของ”ทหารช่าง” เกรดเส้นทางเข้าไป”วิสามัญฆาตกรรม”กองกำลัง”อาร์เคเค” ได้ตาม”เป้าหมาย โดยเป็นการ”ลงทุน” ที่”มหาศาล” และไม่”คุ้มค่า” แต่อย่างใด” เพราะ”ทหาร-ตำรวจ” และฝ่าย”ปกครอง” แม้จะลดจำนวน”อาร์เคเค” ได้ 3 ศพ แต่จากการที่”ปีกทางการเมือง”ของ”บีอาร์เอ็น” ทำการ”ปลุกระดม” และ”ไอโอ” เหตุการณ์”ปิดล้อม” และ”วิสามัญ” ที่”คลองช้าง” มีการทำ”พิธีศพ” ของ”คนตาย” ให้เป็น”ผู้พลีชีพ” หรือ”ชาอีด” มีคนจำนวนมาก ที่เป็น”คนหนุ่ม” และ”เยาวชน” เข้าร่วม”แห่ศพ” และยกย่องให้เป็น”วีระบุรุษ” สิ่งที่”บีอาร์เอ็น”ได้ไปจากการ”วิสามัญ” ที่เกิดขึ้นคือได้”ประชาชน”ในพื้นที่เข้าไปเป็น”แนวร่วม” จำนวนมาก ที่ถูกสร้างให้”เกลียดชัง”เจ้าหน้าที่รัฐ” และ”รัฐบาล” และ”ยุทธการที่คลองช้าง” ยังกลายเป็น”เงื่อนไข” ให้”ปีกทางการเมือง”ของ”บีอาร์เอ็น” มีการ”เคลื่อนไหว” อย่าง”ต่อเนื่อง” ทั้งการ”ปลุกระดม” คนในพื้นที่ให้ยืนอยู่ฝ่ายของ”บีอารเอ็น” รวมทั้งมีการนำ”เยาวชน” ลงไปดู”สถานที่” ซึ่งเป็นพื้นที่ในการ”ปิดล้อม” เพื่อเปิด”ยุทธการคลองช้าง” ด้วยการ”ปลุกระดม” ว่า เจ้าหน้าที่”จงใจ” ในการ”วิสามัญฆาตกรรม”……

@ก็ เข้าใจนะ ว่า “กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า โดยการ”สั่งการ” ของ” พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค” แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4  ได้ใช้มาตรการจาก”เบา”ไม่หา”หนัก” มีการ”ประกาศให้มอบตัว” มีการให้เวลาในการ”วางอาวุธ” แต่ไม่ได้ผล เพราะ”อาร์เคเค” กลุ่มนี้ เลือกที่จะ”สู้ตาย” แต่ก็ต้องถามว่าไม่มีทางในการ”จับเป็น” ได้เลยหรือ เช่นการทำให้”อาร์เคเค” ใช้ “กระสุนจนหมด” แล้วจึง”ปิดล้อม” เพื่อ”จับเป็น” เพราะจะได้ไม่เป็นการเดินเข้าสู่”กับดัก” ของ”บีอาร์เอ็น” ที่ต้องการให้”เจ้าหน้าที่” ทำการ”วิสามัญฯ” ที่ ทำให้”บีอาร์เอ็น” ได้รับประโยชน์ อย่างที่เห็นจากการ” แห่ศพ” ของผู้ที่ถูก”วิสามัญ” ในครั้งนี้…..ที่ สำคัญ หลังการจบลงของ”ยุทธการคลองช้าง” ที่ ต.นาเกตุ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี”กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” ก็ไม่มี”แผน” ในเรื่องงาน”มวลชน” ปล่อยให้”ปีกทางการเมือง” เข้าไป”ปลุกระดม” คนในพื้นที่ให้เกิดความ”หวาดกลัว” มีการนำ”เยาวชน” เข้าไปดู”สถานที่การวิสามัญ” เพื่อ”บ่มเพาะ” ให้”เยาวชน”เหล่านี้ เป็น”ปรปักษ์” กับ “เจ้าหน้าที่รัฐ” ถามจริงๆเถอะ “กอ.รมน ภาค 4 ส่วนหน้า”ยุคของ”แม่ทัพต้น” พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค” มี”น้ำยา” ในการ”รับมือ” กับบีอาร์เอ็น” แค่นี้จริงๆ หรือ  เชื่อเถอะ นโยบาย” สันติวิธี” ใช้ได้ใน”บางเรื่อง” และ”บางเรื่อง” ถ้า”สันติวิธี” ใช้ไม่ได้ก็ต้องมีการ”บังคับใช้กฎหมาย” อย่าง”เข้มข้น” จึงจะทำให้”สถานการณ์” ดีขึ้น การที่”กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” ปล่อยให้” แนวร่วม” และ”ประชาชน” ไม่”เคารพกฎหมาย” และอยู่เหนือ”กฎหมาย” นั่นหมายถึงการ”ยินยอม” ให้”บีอาร์เอ็น” ยึดครองพื้นที่ของ”จังหวัดชายแดนภาคใต้”ไปแล้วโดย”พฤตินัย” และยิ่งจะมีการ”ขยายอำนาจ” ออกไปให้ “กว้างขวาง” ยิ่งขึ้น อันตราย นะ……

@และก่อนที่”เศรษฐา ทวีสิน” และ คณะ จะเดินทางลงพื้นที อ.สุไหงโก-ลำ จ.นราธิวาส” แนวร่วม”บีอาร์เอ็น” ยังทำการ”ปล่อยข่าว” หรือทำ”เฟกนิวส์” ว่ามีการ”วางระเบิด”เพื่อ”ก่อกวน” ในพื้นที่ของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัตตานี,ยะลา,นราธิวาส” ถึง 30 จุด เพื่อต้อนรับ” นายกรัฐมนตรี” และคณะ ที่สร้างความ”ตื่นตระหนก” ให้กับ” คนไทยพุทธ” ในพื้นที่ และที่สำคัญคนในพื้นที่เชื่อว่ามีการก่อกวนด้วยการ”วางระเบิด”และ”ขว้างระเบิด” เป็นเรื่องจริง ที่ไม่”เป็นข่าว” เพราะ”กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าปิดข่าว” เพื่อมิให้ถูก”ตำหนิ” จาก” นายกรัฐมนตรี” นายเศรษฐา ทวีสิน และ “ พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์” ผบ.ทบ. และ นี่ก็เป็น”ชัยชนะ” ใน”สงครามข่าวสาร” ของ”ขบวนการแบ่งแยกดินแดน”บีอาร์เอ็น…… แต่ที่เป็น”คำถาม” ของคนในพื้นที่”จังหวัดชายแดนภาคใต้” มากที่สุด คือการที่”เสี่ยนิด” เศรษฐา ทวีสิน” เดินทางมาพบกับ” อันวาร์ อิบราฮิม” นายกรัฐมนตรีของประเทศมาเลเซีย และมีข่าวจาก”สื่อมวลชน” ที่นำเสนอ”สารัตถะ” ของการที่”ผู้นำระดับสูง” ของทั้งสองประเทศมาการ”พูดคุย”กัน มีเพียงเรื่องการก่อสร้าง” สะพานข้ามแม่น้ำสุไหงโก-ลก” แห่งที่ 2  และ “นายรัฐมนตรีมาเลเซีย” เพียงมีการรับปากว่าจะ”ผลักดัน” ในเรื่องการ”พูดคุยสันติสุข” ระหว่างตัวแทน”คณะการพูดคุย”ฝ่ายไทย กับ”คณะการพูดคุยสันติภาพ” ของ”ขบวนการบีอาร์เอ็น” อย่างเต็มที่ ซึ่งในความรู้สึกของคนใน”จังหวัดชายแดนภาคใต้” เป็นการพบปะ”และ”พูดคุย” ที่ไม่ได้”ตอบโจทย์”การแก้ปัญหาความไม่สงบของจังหวัดชายแดนภาคใต้…..เพราะปัญหาที่คนใน”จังหวัดชายแดนภาคใต้” ต้องการเห็น คือการขอให้”นายกรัฐมนตรีประเทศมาเลเซีย” สั่งการให้”บีอาร์เอ็น” หยุดการ”ปฏิบัติการ”ด้วยการใช้”อาวุธ” ในพื้นที่”จังหวัดชายแดนภาคใต้” ซึ่งเชื่อว่า” ผู้นำรัฐบาลมาเลเซีย” ทำได้ เพราะ”ขบวนการแบ่งแยกดินแดน” ทุก”ขบวนการ” ไม่ว่าจะเป็น” บีอาร์เอ็น”หรือ”พูโล” ต่างมี”ฐานที่มั่น” ในประเทศมาเลเซีย โดยเฉพาะ”รัฐกลันตัน” ที่อยู่ตรงกันข้ามกับ จ.นราธิวาส แต่น่า”เสียดาย” ที่ไม่มี”สื่อมวลชน” นำเสนอข่าวที่”ประชาชน”ในพื้นที่”จังหวัดชายแดนภาคใต้อยากจะได้ฟัง…..

@ปัญหาของ”จังหวัดชายแดนภาคใต้” ไม่ใช่เรื่อง”เศรษฐกิจ” หรือเรื่อง”การค้าชายแดน” ไม่ใช่เรื่อง”สะพานข้ามแม้น้ำสุไหงโก-ลก” แห่งที่ 2 ปัญหาความ”แออัด” ความ”ล่าช้า” ในการ”สัญจร” จากฝั่งมาเลเซียจาก” รันเตาปันยัง” เข้ามายังฝั่งไทย ที่ อ.สุไหงโก-ลก” จ.นราธิวาส เป็นปัญหาจาก” เจ้าหน้าที่”ตรวจคนเข้าเมือง” เจ้าหน้าที่”ศุลกากร” มีความ”ล่าช้า” ในการให้”บริการ” ซึ่งเกิดขึ้นเฉพาะในวันหยุด และวันเทศกาลต่างๆ เท่านั้น ไม่ใช่เกิดขึ้นทุกวัน   ความล่าช้า ความแออัด ความไม่”คล่องตัว” ในการ”สัญจรข้ามแดน” เกิดจากการไม่”พัฒนา” และไม่”ปรับปรุง” การให้บริการแบบ”วันสต็อปเซอร์วิส”ของหน่วยงานที่รับผิดชอบต่างหาก ต่างหาก ดังนั้นต้องแก้ปัญหาตรงนี้ซึ่งเป็น”ต้นเหตุ”แห่งปัญหา ของทุกด่านพรมแดนที่ไม่เฉพาะที่ อ.สุไหงโก-ลก” ด่านพรมแดนที่”เบตง” จ.ยะลา และด่านที่”สะเดา “จ.สงขลา ก็เป็นเช่นนี้…..และที่สำคัญ ที่”เสี่ยนิด” เศรษฐา ทวีสิน” ต้อง”เข้าใจ” เรื่องการไม่มีการ”ลงทุน” เรื่องความ”ซบเซา”ของ”การค้าชายแดน” มาจากเรื่องของ”ความไม่สงบ” ที่เกิดขึ้นยาวนานถึง 20 ปี ถ้าเรื่องของ”ไฟใต้” มีการ”คลี่คลาย” เรื่อง”ธุรกิจการค้า” ของ”เมืองชายแดน”ทุกเมือง จะกลับมา”เติบโต” ด้วยตัวของมันเองโดย”อัตโนมัติ”….. เช่น อ.เบตง จ.ยะลา ที่มีการ”เติบโต” ของการ”ค้าชายแดน” และ”การท่องเที่ยว” ล้วนมาจาก “เบตง” ไม่มีการ”ก่อการร้าย” จึงทำให้”นักท่องเที่ยว” หลั่งไหลมาเที่ยว มีกิน มาช็อป แต่ถ้ามี”ระเบิด”เกิดขึ้นใน”เบตงเมื่อไหร่” ก็จะเกิดผล”กระทบ” ขึ้นในทันที ส่วนใน อ.สุไหงโก-ลก” อ.ตากใบ” และ”อ.เมือง” จ.นราธิวาส เป็น”เป้าหมาย” ของการ”ก่อการร้าย” ของ”บีอาร์เอ็น” จึงส่งผลให้”การค้าชายแดน” และ”การท่องเที่ยว” ไม่มีการ”เติบโต” เท่าที่ควร…..

@และอีกหนึ่งปัญหา ที่ หน่วยงานของรัฐทุกหน่วย”มองข้าม” และไม่ต้องการที่จะ”แก้ไข” คือการปล่อยให้”ชายแดนของแม่น้ำสุไหงโก-ลก,ตากใบ,แว้ง”  เป็น ดินแดน ที่มีการ”ค้าของเถื่อน” ค้ายาเสพติด ค้ามนุษย์ และ อื่นๆ กลายเป็น”ชายแดน” ที่เป็น”ทำเลทอง” ของการ”ก่ออาชญากรรม” ที่ แม้แต่” ทหาร” ก็ไม่มีการใช้”กฎหมาย” เข้าไปดำเนินการ “จุดผ่านแดน” หรือ”ท่าข้าม” กว่า 200 แห่ง ที่เป็น”ท่าข้าม”หรือ”ช่องทางธรรมชาติ” คือจุดที่”กองกำลังติดอาวุธ” และ”แนวร่วม” ขบวนการแบ่งแยกดินแดน “ข้ามไป-มา” ระหว่าง ชายแดนไทย –มาเลเซีย อย่าง”เสรี” เป็นการ”ปล่อยปละ” ของ”กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เหมือนกับ” เจตนา” ที่จะ”จงเจาะ” ให้เกิดความ”หวะหลวม” ใน “แนวชายแดน”ของ”แม่น้ำสุไหงโก-ลก” ประเด็นนี้ ก็เป็นประเด็นสำคัญ ที่ทำให้” บีอาร์เอ็น” มี”เสรีภาพ” ในการ”ก่อการร้าย” ใน จังหวัดชายแดนภาคใต้ เรื่องเหล่านี้ต่างหากที่” เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี “ พล.อ.ชัยเจริญ หินเธาว์” ผบ,ทบ. และ” พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์”  เลขาธิการสภาความมั่นคง ต้องให้ความ”สนใจ”และแก้ปัญหาเพื่อการ”ตอบโจทย์” ด้านความมั่นคง……

@เรื่องอื่นๆ กันบ้าง มีเสียงสะท้อนจาก” ผู้นำท้องที่” กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน” อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา  ถึงความร่วมมือระหว่าง”ผู้นำท้องที่”กับ “ฝ่ายปกครอง” ของ”อำเภอสะบ้าย้อย” ที่ยังไม่สามารถ”หลอมรวม” ให้เป็น”เนื้อเดียวกัน” ปัญหาอยู่ตรงไหน และมาจาก”ปัจจัย” หรือ”เงื่อนไข” อะไร “มงคล สินยัง” นายอำเภอสะบ้าย้อย จ.สงขลา น่าจะเป็นผู้รู้ดีกว่าใครเพื่อน อย่าลืมว่า “ผู้นำท้องที่” มีความสำคัญต่อ”ฝ่ายปกครอง”เป็นอย่างยิ่ง ถ้า”กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน” ให้ความร่วมมือ ปัญหาทุกอย่างใน”พื้นที่” แก้ไขได้ เพราะไม่มีใครที่จะรู้”ปัญหา” ในพื้นที่ได้เท่ากับ “กำนัน- ผู้ใหญ่บ้าน” ดังนั้นปัญหานี้จึงต้องแก้ไข……ส่วนที่ จ.ปัตตานี ก็มีเรื่องที่มีชาวบ้านร้องเรียนมาว่า ต้องการให้”ปปช. ปัตตานี ตรวจสอบ กลุ่มเลี้ยงโค 2 กลุ่ม ในอยู่ในโครงการ”โคบาลชายแดนใต้” เพราะมีการ”ซื้อโคที่ไม่ตรงปก” ไม่ใช่”แม่โคพันธุ์พื้นที่” ตาม”เงื่อนไข” ของโครงการมาเลี้ยง เท็จจริง อย่างไร ปปช. ปัตตานี ต้องมีความ”โปร่งใส” อย่าทำหน้าที่แบบ” เลือกข้าง” …..

@ขอชื่นชม “ณรงค์พร ณ พัทลุง” หรือ” ปลัดแป้น” นายกสมาคมผู้ปกครองและครู โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย ที่เห็นความสำคัญของ”นักเรียน” ที่ไม่ได้ทาน”อาหารกลางวัน” ล่าสุดมีการประชุมคณะกรรมการสมาคมฯ เพื่อระดมความคิดเห็นในการ”จัดหาทุน” เพื่อใช้ในเป็น”เงินทุน” ในการให้ นักเรียน ได้มี”อาหารกลางวัน”ได้ทานอย่าง”อิ่มท้อง” เพื่อให้มี”นักเรียน” สามารถมี”คุณภาพชีวิต” ที่ดี…..

@ประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ขอ”แสดงความยินดี”กับ”พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์” อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 อดีต ผู้ช่วย ผบ.ทบ. ที่ได้รับตำแหน่ง” รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 “ เห็นการทำหน้าที่ในการประชุมทั้ง 2 นัด แล้ว มีความ”เข้มแข็ง” สมกับการเป็น”ทหาร” ขอ”ชื่นชม…..

@สังคมเสื่อมหนัก  ที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส มี คดีการ”รุมโทรมเด็ดหญิง” อายุ 12 ปี โดย กลุ่มเยาวชนชาย เกือบ 20 คน ที่ วันนี้กลายเป็น”ผู้ต้องหา” จากการ ร้องเรียน ของ มารดาของผู้”เป็นเหยื่อ”  หลังมีการ”ร้องเรียน” ปรากฏว่า”เจ้าหน้าที่ตำรวจ” ทำหน้าที่ได้”รวดเร็ว” จับกุมผู้ร่วมใน”ขบวนการ”ได้แล้ว 7 คน การจับกุม เป็นปัญหา”ปลายเหตุ” เพราะ”ต้นเหตุ”ของปัญหาคือเรื่อง”ยาเสพติด” และเรื่อง”ความเสื่อมของสังคม” ในพื้นที่ ประเด็นนี้ ใคร หน่วยงานไหน ที่จะแก้ปัญหา ที่สำคัญ”ผู้ปกครอง” ต้องให้ความ”ใส่ใจ” กับ”บุตรหลาน”เพื่อป้องกันเป็น”ด่านแรก”……

@เรื่อง “บุกรุกพื้นที่” ใน ภาคใต้ ยัง เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในทุกจังหวัด ล่าสุด  เจ้าหน้าที่”ดีเอสไอ” นำกำลังลงตรวจสอบพื้นที่ อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ ร่วมกับนิคมสหกรณ์อ่าวลึก สหกรณ์จังหวัดกระบี่ พบมีการบุกรุกพื้นที่ เกือบ 800 ไร่ เพื่อใช้ในการทำสวนปาล์ม และ สวนทุเรียน โดยนายทุนเศรษฐีใหญ่ของ จ.ภูเก็ต นี้คือปัญหา”ซ้ำซาก” ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ หลายอำเภอของ จ.กระบี่ ที่เหมือน”ทศนิยม” ไม่รู้จบ และไม่รู้ว่าใครคือ”เจ้าภาพ”ในการแก้ปัญหา ….. แล้วพบกันใหม่วันศุกร์หน้า สวัสดีครับ

—————————————————————

ไชยยงค์ มณีพิลึก

สองผู้นำ.   เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กำลังสนทนา ในการพบปะเพื่อร่วมผลักดันการก่อสร้าง สะพานข้ามแม่น้ำสุไหงโก-ลก แห่งที่ 2  ณ ที่ทำการด่านศุลกากร อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส

เข้าพบ.  นิพนธ์ บุญญามณี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ,อดีตนายก อบจ.สงขลา เข้าพบ ฯพณฯ ท่าน อู๋ ตงเหมย (Wu Dongmei) กงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำจังหวัดสงขลา ณ บ้านพัก สถานกงสุลจีน ต.บ่อย่าง อ.เมือง จ.สงขลา โดยมีการสนทนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในประเด็นการแก้ปัญหาความยากจนซึ่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประสพความสำเร็จในการแก้ปัญหาและเรื่องอื่นๆ ณ สถานกงสุล จ.สงขลา

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นายสมนึก พรหมเขียว เชิญแจกันดอกไม้และตะกร้าสิ่งของพระราชทานมอบให้แก่อาสาสมัครทหารพรานที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ อ.รามัน  จ.ยะลา ณ รพ.สงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

ชี้แจง พรบ.งบประมาณ.  มุขตาร์​ มะทา​ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดยะลา พร้อมด้วย รุ่งกานต์ สิริรัตน์เรืองสุข รอง ปลัด อบจ.ยะลา รักษาราชการแทนปลัด อบจะ.ยะลา ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์และงบประมาณ ผู้อำนวยการกองคลัง และเจ้าหน้าที่ฯ เข้าร่วมชี้แจงคณะอนุกรรมมาธิการจังหวัดฯ ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 สภาผู้แทนราษฎร ณ รัฐสภา กรุงเทพฯ

ลงนามเอ็มโอยู.   พาตีเมาะ สะดียามู  ผวจ.ปัตตานี มอบหมายให้ วันสุกรี แวมามะ นายอำเภอเมืองปัตตานี พร้อมด้วย ยาเบ็น เรืองจรูญศรี ผอ.รร.บ้านปะกาฮะรัง และคณะร่วมประชุมเพื่อเข้าร่วมจัดทำ MOU บันทึกข้อตกลงด้านกิจกรรมลูกเสือ ทั้ง 3 ประเทศ และร่วมเป็นเกียรติในพิธีรับมอบเหรียญสดุดีลูกเสือ ขั้น 1 ของเมืองเมดาน จังหวัดสุมาตราเหนือ  โดยมีนายเทศมนตรีเมืองเมดาน ประเทศอินโดนีเซีย และคณะร่วมต้อนรับ

เชิดชูเกียรติ  .  อามีร ซาริคาน รอง นายกเทศมนตรีตำบลรือเสาะ จ.นราธิวาส และ พัครูรอซี วายา พนักงานการเลือกตั้งชำนาญการ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำผู้ทำคุณประโยชนจังหวัดยะลาเข้ารับเครื่องหมายเชิดชูเกียรติ“ยกกระบัตร” สัญลักษณ์แห่งเกียรติยศและความภาคภูมิใจจาก อำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ อัยการสูงสุด ณ ห้องประชุมแกรนด์ บีซี โรงแรมอัศวิน กรุงเทพฯ

มอบเงิน.  นพพร หนูเพชร นายอำเภอเมืองยะลา เป็นเกียรติมอบเงินให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ กรณีทรัพย์สินที่ได้รับความเสียหาย ในพื้นที่อำเภอเมืองยะลา ครั้งที่ 2 โดยมี อำพล พงษ์สุวรรณ ผวจ.ยะลา เป็นประธาน ณ ห้องประชุมวอร์รูม ชั้น 2 ที่ว่าการอำเภอเมืองยะลา

ยะลา มาราธอน . อำพล พงศ์สุวรรณ ผวจ.ยะลา เป็นประธานเปิดการแข่งขัน วิ่งยะลามาราธอน ครั้งที่ 4 ซึ่งจัดโดยเทศบาลนครยะลา ณ สนามโรงพิธีช้างเผือก เทศบาลนครยะลา โดยมีผู้ร่วมงานเป็นจำนวนมากและมีนักวิ่งเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้กว่า 5.000 คน

ประชุมร่วม.   พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ( ศอ.บต.) ร่วมประชุมกับคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี ครั้งที่ 15  ณ โรงแรม Shangri-La  กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย

มอบเงิน.  ณ โรงเรียนปะเหลียนผดุงศิษย์ ต.สุโส๊ะ อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ทวี  หยงสตาร์  กำนันตำบลสุโส๊ะ ประธานชมรมศิษย์เก่าโรงเรียน ปะเหลียนผดุงศิษย์ (ป.ศ).พร้อมด้วยคณะกรรมการชมรม ฯ .มอบเงินรายได้จากการจัดงานเลี้ยงศิษย์เก่า ครบ 53 ปี ของโรงเรียน  จำนวน 100,000 บาท เพื่อนำไปใช้กับการศึกษาชองโรงเรียน โดยมี นิติพนธ์ ลีละสกุลมีเกียรติ ผู้อำนวยการ และคณะครู รับมอบ เมื่อวันก่อน

ส่งเสริมการท่องเที่ยว. ณ หน้าเขาสามบาตร แม่น้ำตรัง ต.นาตาล่วง อ.เมืองตรัง จ.ตรัง สกุล ดำรงเกียรติกุล รอง ผวจ.ตรัง เป็นประธานเปิดโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬา (TRANG SPORT SERIES) การแข่งเรือยาวประเพณี ประจำปี  พ.ศ. 2567 จาก 14 จังหวัดภาคใต้ เข้าร่วม ในการแข่งขันเรือยาว 30 ฝีพาย  โดยมี ณัฐพงษ์ เนียมสม นายกเทศมนตรี ต.นาตาล่วง  กล่าวรายงาน

ทรัพย์สินทางปัญญา.  ณ มหาวิทยาลัย มทร.ศรีวิชัย วิทยาเขตตรัง อ.สิเกา จ.ตรัง พันธุ์เพิ่มศักดิ์ อารุณี ผอ.กองขับเคลื่อนและพัฒนาการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม รักษาการในตำแหน่ง ที่ปรึกษาด้านพัฒนาการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พร้อมคณะลงพื้นที่ติดตามผลการดำเนินงาน โครงการ พลิกโฉมมหาวิทยาลัย ประจำปี โดยเฉพาะพริกไทยพื้นเมือง คุณภาพ  “พันธุ์ปะเหลียน” จ.ตรัง เป็นหนึ่งในสินค้า ที่กรมทรัพย์สินทางปัญญาประกาศขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI)

ต้อนรับ.  วุฒิ ศรีลบุตร.ประธานสหกรณ์การเกษตรสทิงพระได้ให้การต้อนรับ ผอ.สุพา ปิยะเขตร และคณะสหกรณ์การเกษตรเมืองสุราษฏร์ธานีที่ให้เกียรติมาศึกษาดูงานสหกรณ์สทิงพระ จ.สงขลา  ในการน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการส่งเสริมอาชีพให้แก่สมาชิกต่อไป

ปล่อยพันธ์สัตว์น้ำ…นิพนธ์ บุญญามณี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายกอบจ.สงขลาได้เป็นประธานปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำปูม้าเพื่อเพิ่มปริมาณปูในทะเลและเป็นการสร้างอาชีพให้กับประชาชนในพื้นทีได้จับสัตว์น้ำเพิ่มมากขึ้น ณ บริเวณหาดวังหนาว ต.นาทับ อ.จะนะ  จ.สงขลา

ดูสถานที่.   เจือ ราชสีห์ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ลงพื้นที่พร้อมด้วยตัวแทนพลังงานจังหวัดสงขลา ลงพื้นที่ดูสถานที่ตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โซล่าเซลล์  ขนาดไม่น้อยกว่า 20 กิโลวัตต์ เพื่อลดภาระรายจ่ายด้านค่าไฟฟ้าณโรงเรียนวัดทุ่งหวังใน ต.ทุ่งหวัง อ.เมืองสงขลา โดยมี ศรีพร สุวรรณโณ ผู้อำนวยการโรงเรียนร่วมต้อนรับและนำดูสถานที่

ถวายเทียนพรรษา.   ไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล นายกสมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย และ ปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ อุปนายกสมาคมฯ ถวายเทียนพรรษา ณ วัดนาทวี จ.สงขลา โดยมีท่านเจ้าคุณวชิระสุนทร (ภัทร อริโย) เจ้าอาวาสวัดนาทวี และ รองเจ้าคณะจังหวัดสงขลา เป็นผู้รับการถวาย