นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย เปิดเผยว่าการทำสงครามราคารถยนต์ในระยะยาวไม่ส่งผลดีต่อลูกค้า เพราะการที่ลูกค้าซื้อรถยนต์ 1 คันเราก็อยากดูแลลูกค้าตลอดอายุการใช้งาน ยกตัวอย่างเช่น ถ้าวันนี้ลูกค้าซื้อรถยนต์ในราคา 1 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 2 ปี เราลดราคาลงมาเหลือ 800,000 บาท ซึ่งในวันที่ลูกค้าต้องการขายรถต่อคาดการณ์ว่าจะได้สัก 500,000 บาท แต่พอเราปรับลดราคาลงมาลูกค้าที่ต้องการขายรถมือสองอาจจะได้แค่ 400,000 บาท เพราะราคารถยนต์ใหม่ในรุ่นเดียวกันได้ปรับลดราคาลงมาแล้ว


การปรับลดราคารถลงอาจจะดีกับลูกค้าใหม่ เราก็มองว่ามันก็ดีต่อลูกค้าที่ได้รถยนต์ในราคาที่ถูกลง แต่เราต้องไม่ลืมว่า เรามีลูกค้าเก่า หรือลูกค้าที่ซื้อไปก่อนหน้านี้ไม่นาน ฉะนั้นเราก็คิดเรื่องกลยุทธ์การตลาดมาตลอดโดยมีจุดสำคัญคือลูกค้าที่ซื้อไปก่อหน้าไม่ให้กระทบ ขณะเดียวกันเราก็รู้ว่ารถเราเก่า เดี๋ยวอีกไม่นานจะมีีรถรุ่นใหม่ออกมา ฉะนัั้นเราก็ Lean Supply ขายไม่ได้ก็ยังไม่ต้องขาย ดีกว่าผลิตออกมาในจำนวนที่มาก และหันไปใช้เรื่องการลดราคามาสู้ในตลาด สุดท้ายลูกค้าก็อาจจะไม่เชื่อใจ

นายณัทธร ศรีนิเวศน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวถึงกรณีการลดราคารถยนต์ว่า เป็นกลยุทธ์ของแต่ละแบรนด์ ในส่วนโตโยต้าจะติดตามสถานการณ์ตลาด เราก็พบว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่ไม่ได้มองว่าการปรับลดราคาลงเป็นเรื่องที่ดีนัก ซึ่งโตโยต้าพยายามมองถึงความสมดุลระหว่างตลาด เช่น ถ้าราคารถยนต์สูงเกินไปก็เป็นหน้าที่ของเราที่ต้องหารจุดสมดุลระหว่างราคา และการส่งเสริมการขาย ซึ่งหลักของโตโยต้าต้องดูผลประโยชน์สูงสุดของลูกค้า ปัจจุบันสภาพเศรษฐกิจอาจจะไม่ดี สถาบันการเงินเข้มงวดเรื่องการปล่อยสินเชื่อ สิ่งที่เราต้องทำคือ ดูว่าอะไรก็ได้ที่ทำให้ลูกค้าออกรถได้ง่าย เราจึงมีการออกแบบโปรแกรมไฟแนนซ์เชียลที่เหมาะสม เพื่อให้ลูกค้าสามารถผ่อนรถได้ง่ายขึ้น และต้องมีเงินเหลือเก็บ

นอกจากนี้นายศุภกร ยังกล่าวถึงยอดขายครึ่งปีแรกตลาดรถยนต์รวมลดลงถึง 24% แต่โตโยต้าปรับลดลงแต่น้อยกว่าตลาดโดยรวม เนื่องจากใช้เครื่องยนต์ไฮบริดยังเติบโตอย่างต่อเนื่องต่างจากรถยนต์ในเซกเมนต์อื่นๆโดยเฉพาะที่ผ่านมายาริส ครอส และมิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส มียอดขายเติบโตเป็นที่น่าพอใจ และมั่นใจเครื่องยนต์ไฮบริดเทคโนโลยีของโตโยต้าว่าแข็งแกร่งพอที่จะบริการหลังการขาย ไม่ว่าจะเป็นอะไหล่หรืองานซ่อมยังเหมือนเดิม

“สำหรับยอดขายกระบะไฮลักซ์ รีโว่ จีอาร์-สปอร์ต ซึ่งเป็นรถเพอร์ฟอร์มานซ์ในช่วง 4 เดือนแรกของปีมี 600 คัน ล่าสุดพุ่งไปถึง 1,550 คัน ซึ่งเกินคาดใช้เวลาส่งมอบไม่เกิน 2 เดือน ทางด้านแผนเปิดตัวรถใหม่ในเดือนตุลาคมนี้จะเป็น คัมรี่ รุ่นใหม่ ส่วนปีหน้าจะเปิดตัวรถกระบะไฟฟ้า (บีอีวี) รุ่นดับเบิลแค็บ”