เมื่อวันที่ 5 ส.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากประชาชน ว่ามีน้ำไหลเข้าท่วมบ้านเรือนช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ทำให้ข้าวของได้รับความเสียหายจำนวนมาก เนื่องจากน้ำมาตอนดึกทำให้เก็บข้าวของไม่ทัน ทั้งนี้สืบเนื่องจากในพื้นที่ จ.นครนายก ได้รับน้ำมาจากหลายเส้นทาง เช่น น้ำตกวังตะไคร้, น้ำตกนางรอง และเขื่อนขุนด่านปราการชล ซึ่งในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ได้มีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากลงมาเป็นจำนวนมาก
ขณะเดียวกันยังมีกระแสข่าวลือว่า “…ประตูระบายน้ำเขื่อนขุนด่านปราการชล ชำรุด จึงทำให้ไม่สามารถปิดประตูระบายน้ำได้…” โดย นายจักราวุธ สุนธรวิภาต ผอ.เขื่อนขุนด่านปราการชล ได้ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า ประตูระบายน้ำเขื่อนขุนด่านปราการชล ไม่ได้ชำรุดตามกระแสข่าวแต่อย่างใด และยืนยันว่าเขื่อนขุนด่านปราการชลยังแข็งแรงดี 100% และจำนวนน้ำในเขื่อนนั้นมีเพียงแค่ 58% ของความจุ ซึ่งจากกรณีที่มีข่าวออกไปว่าเขื่อนปล่อยน้ำช่วงกลางดึก ก็ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เพราะเขื่อนนั้นได้ปล่อยน้ำตลอดทั้งวันอยู่แล้ว แต่เป็นเพียงการปล่อยน้ำเพื่อบริหารจัดการน้ำตามปกติ และปล่อยเพียง 30 ลูกบาศก์เมตรเท่านั้น
เมื่อทางเขื่อนได้รับรายงานว่ามีน้ำป่าลงมาจากฝั่งน้ำตกและบริเวณท้ายน้ำมีปริมาณน้ำที่ขึ้นเป็นจำนวนมาก ทางเขื่อนก็ได้ทำการปิดประตูระบายน้ำในทันที เพื่อไม่ให้จำนวนน้ำจากเขื่อนลงไปเติมกับปริมาณน้ำป่าที่ไหลลงมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์น้ำด้านบนเขื่อน และน้ำตกต่าง ๆ เข้าสู่สภาวะปกติแล้ว หากไม่มีปริมาณน้ำฝนลงมาเพิ่มเติมอีก ก็ไม่กระทบกับการท่องเที่ยวแต่อย่างใด แหล่งท่องเที่ยว น้ำตกต่าง ๆ รวมถึงบริเวณลานเล่นน้ำหน้าเขื่อนขุนด่านปราการชล ก็ยังสามารถท่องเที่ยวได้ตามปกติ แต่ขอให้นักท่องเที่ยวคอยฟังคำเตือนจากเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัดด้วย และถึงแม้สถานการณ์น้ำด้านบนเขื่อน และน้ำตกต่าง ๆ จะเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว แต่บริเวณเส้นทางของน้ำที่ลงมาสู่ด้านล่าง ตอนนี้กำลังได้รับผลกระทบอย่างหนัก เนื่องจากปริมาณน้ำได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนริมตลิ่งจำนวนมาก ทางเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนได้เร่งเข้าช่วยเหลือประชาชนเรียบร้อยแล้ว
โดยเหตุการณ์นี้สืบเนื่องมาจากช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เมื่อมีกระแสข่าวมาจากชาวบ้านว่า เขื่อนขุนด่านปราการชลได้เปิดประตูระบายน้ำ ทำให้มวลน้ำจำนวนมากไหลมาเติมกับเส้นทางน้ำธรรมชาติที่ลงมาตามลำธารน้ำตก ซึ่งน้ำตามเส้นทางธรรมชาติ ก็มีเยอะอยู่แล้วเนื่องจากปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก พอน้ำจากเขื่อนลงมาเติมกับน้ำเส้นทางธรรมชาติ ก็ได้ทำให้น้ำเพิ่มปริมาณสูงขึ้นอย่างรวดเร็วกลางดึก ชาวบ้านไม่ทันระวังตัว จึงทำให้ท่วมบ้านเรือนประชาชน และรีสอร์ทต่าง ๆ ในพื้นที่ตำบลสาริกา และตำบลหินตั้ง ได้รับความเสียหายอย่างมาก
จากนั้นเมื่อทางผู้นำชุมชนได้ถามไปยังผู้เกี่ยวข้องของเขื่อน ว่าทางเขื่อนเปิดประตูระบายน้ำเพื่ออะไร ในเมื่อระดับน้ำในเขื่อนยังไม่เต็ม มีเพียงครึ่งเดียวของความจุ ทางเขื่อนได้บอกว่า ประตูระบายน้ำขัดข้องไม่สามารถปิดได้ แต่ในช่วงเช้าพอสอบถามไปยังทางเขื่อนอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้กลับตอบปฏิเสธ และบอกว่าประตูยังคงสมบูรณ์ 100% และเขื่อนก็สมบูรณ์ ไม่มีการชำรุดหรือพังตามที่เป็นกระแสข่าว และยืนยันว่าน้ำที่ท่วมบ้านเรือนประชาชนเกิดจากน้ำป่า ไม่ใช่น้ำเขื่อน แต่ชาวบ้านในพื้นที่รวมทั้งผู้ประกอบการ ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า เมื่อคืนน้ำป่าไม่ได้มาจริง แต่น้ำมีจำนวนมากตามระดับน้ำฝนเป็นเรื่องปกติ แต่เหตุที่ทำให้น้ำท่วมฉับพลัน เนื่องจากเขื่อนปล่อยน้ำลงมาเติมกับเส้นทางน้ำธรรมชาติ
เนื่องจากเมื่อคืนที่ผ่านมา เขื่อนขุนด่านปราการชลได้เปิดประตูระบายน้ำ ทำให้มวลน้ำจำนวนมากไหลมาเติมกับเส้นทางน้ำธรรมชาติที่ลงมาตามลำธารน้ำตก ซึ่งน้ำตามเส้นทางธรรมชาติ ก็มีเยอะอยู่แล้วเนื่องจากปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ซึ่งพอน้ำจากเขื่อนลงมาเติมกับน้ำเส้นทางธรรมชาติ ก็ได้ทำให้น้ำเพิ่มปริมาณสูงขึ้นอย่างรวดเร็วกลางดึก ชาวบ้านไม่ทันระวังตัว จึงทำให้ท่วมบ้านเรือนประชาชน และรีสอร์ทต่าง ๆ ในพื้นที่ตำบลสาริกา และตำบลหินตั้ง ได้รับความเสียหายอย่างมาก เมื่อทางผู้นำชุมชนได้ถามไปยัง ผอ.เขื่อนขุนด่านในช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ว่าทางเขื่อนเปิดประตูระบายน้ำเพื่ออะไร ในเมื่อระดับน้ำในเขื่อนยังไม่เต็ม มีเพียงครึ่งเดียวของความจุ ทาง ผอ.เขื่อนได้บอกว่า ประตูระบายน้ำขัดข้องไม่สามารถปิดได้ แต่ในช่วงเช้าผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง ผอ.เขื่อนขุนด่านฯ ทางท่าน ผอ.กลับปฏิเสธ ว่าประตูยังคงสมบูรณ์ 100% และเขื่อนก็สมบูรณ์ ไม่มีการชำรุดหรือพังตามที่เป็นกระแสข่าว และยืนยันว่าน้ำที่ท่วมบ้านเรือนประชาชนเกิดจากน้ำป่า ไม่ใช่น้ำเขื่อน แต่ชาวบ้านในพื้นที่รวมทั้งผู้ประกอบการ ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า เมื่อคืนน้ำป่าไม่ได้มาจริง แต่น้ำมีจำนวนมากตามระดับน้ำฝนเป็นเรื่องปกติ แต่เหตุที่ทำให้น้ำท่วมฉับพลัน เนื่องจากเขื่อนปล่อยน้ำลงมาเติมกับเส้นทางน้ำธรรมชาติ